หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงตามตปท.-กลุ่มแบงก์กดดัน รอตัวเลขจ้างงาน-เงินเฟ้อสหรัฐ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตาม Sentiment ตลาดหุ้นในต่างประเทศ หลังหุ้นกลุ่มธนาคารเจอแรงขายอย่างหนัก และอาจกดดันต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยตามไปด้วย ขณะที่นักลงทุนยังรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในสัปดาห์หน้า ให้แนวรับ 1,600 จุด หากรับอยู่ลุ้นปรับตัวขึ้น โดยยังมีแนวต้านที่ 1,630 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดปรับตัวลงตาม Sentiment เชิงลบของตลาดหุ้นในต่างประเทศ หลังจากเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (SVB Financial Group) ซึ่งเป็นธนาคารปล่อยกู้ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ประกาศขายหุ้นมูลค่า 1.75 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารประสบปัญหาเกี่ยวกับกระแสเงินสดหมุนเวียนหลังจากยอดเงินฝากจากบรรดาสตาร์ทอัพลดน้อยลง และ เอสวีบียังปรับลดคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2566

อีกทั้งบริษัท ซิลเวอร์เกต แคปิตอล (Silvergate Capital) ซึ่งเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ประกาศยุติการดำเนินงาน และขายสินทรัพย์ของซิลเวอร์เกต แบงก์ (Silvergate Bank) เพื่อชำระหนี้ ส่งผลทำให้ฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร และคาดว่าจะส่งผลกดดันต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทยในวันนี้ด้วย

ขณะที่นักลงทุนยังคงรอดูการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนนี้ และตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในสัปดาห์หน้า หากออกมาชะลอตัวลงจะทำให้ลดแรงกดดันในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยลงได้

ทั้งนี้คาด SET วันนี้ปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 1,600 จุด อีกครั้ง หากยังรับอยู่มีโอกาสปรับตัวขึ้น โดยยังให้แนวต้านที่ 1,630 จุด อย่างไรก็ตามแนะนำกลยุทธ์การลงทุน ไม่ต้องรีบเข้าซื้อที่บริเวณแนวรับดังกล่าว เนื่องจากมีโอกาสที่ดัชนีฯ จะย่อตัวลง จากแรงเทขาย ให้พิจารณาเข้าซื้อบริเวณ 1,550 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (9 มี.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,254.86 จุด ร่วงลง 543.54 จุด หรือ -1.66%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,918.32 จุด ลดลง 73.69 จุด หรือ -1.85% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,338.35 จุด ดิ่งลง 237.65 จุด หรือ -2.05%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 28,385.29 จุด ลดลง 237.86 จุด หรือ -0.83%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,580.78 จุด ร่วงลง 344.96 จุด หรือ -1.35% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,255.51 จุด ลดลง 20.58 จุด หรือ -0.63%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 มี.ค.)11,614.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.62 จุด (+0.10%) มูลค่าการซื้อขาย 59,540.43 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 1,335.98 ลบ. เมื่อวันที่ 9 มี.ค.66
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย.(9 มี.ค.) ลดลง 94 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 75.72 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ปีนี้
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 มี.ค.) อยู่ที่ 7.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.95 คากรอบวันนี้ 34.85-35.10 จับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐคืนนี้
  • “อาคม” มั่นใจธุรกิจอสังหาฯ เริ่มดีขึ้นหลังเศรษฐกิจฟื้น ย้ำจีดีพีไทยแม้ขยายตัวช้าแต่มั่นคง ยก “ไอเอ็มเอฟ” มองอาเซียนเป็นโกบอลเฮาส์ของโลกช่วยดึงดูดการลงทุนเข้ามา พร้อมประเมินการท่องเที่ยว บริโภคหนุนภาคอสังหาฯโตต่อเนื่อง
  • จับสัญญาณอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 66 “3 นายกฯ อสังหา” ชี้ตลาดพ้นโคม่า แต่ยัง “ทรงตัว” เศรษฐกิจ กำลังซื้อเปราะบาง หนี้ครัวเรือนสูง หวั่นเครื่องยนต์ดับ แนะต่อมาตรการแอลทีวี ยืดใช้ภาษีที่ดิน 2 ปี เร่งหาทางออกดึงต่างชาติซื้อที่อยู่อาศัย ลงทุน เร่งฟื้นตลาด ด้าน “ซิตี้คอนโด” เริ่มบูมรับวิถีชีวิตคนทำงานในเมือง
  • ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.พ.66 ดัชนีอยู่ที่ 52.6 เพิ่มจาก 51.7 ในเดือน ม.ค.66 ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 36 เดือนนับตั้งแต่เดือน มี.ค.63 ซึ่งเป็นช่วงที่ไทยเริ่มมีโควิดระบาด เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นหลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน
  • รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 14 มี.ค.นี้ กระทรวงฯจะเสนอวาระแห่งชาติเรื่องฟื้นประเทศด้วย ท่องเที่ยวระยะ 5 ปี ปี 66-70 ให้ที่ประชุมพิจารณาเพื่อผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและยั่งยืน พร้อมกับตั้งเป้าหมายเพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ถึง 60 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศปีละ 6 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 25% ของจีดีพีภายในปี 70

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SSP (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 12.2 บาท ได้ Sentiment บวกจากข่าวภาครัฐเตรียมเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มอีก 3,662 MW กลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กหากชนะประมูลจะคิดเป็น MW Growth ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับรายใหญ่
  • CPALL (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 73.5 บาท ประเมินมีปัจจัยหนุนจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค(CCI) เดือน ก.พ.อยู่ที่ 52.6 จุด (+1.7%MoM) ทำจุดสุงสุดตั้งแต่เดือน เม.ย.2563 ที่ออกมาแข็งแกร่ง ลุ้นค่าไฟลดต่ำกว่า 5 บาทในรอบ เดือน พ.ค.-ส.ค. บวกต่อบริษัท และ โมเมนตัมเชิงบวกจะมีต่อไปในงวดไตรมาส 1/66 จากจำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศ อัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ในเชิง QTD ยังคงเป็นบวกที่ 5-8% CPALL เริ่มเห็นยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มดูแลร่างกายเพิ่มขึ้น
  • ITNS (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.92 บาท ปัจจุบัน เราประเมินกำไรสุทธิในปีนี้ที่ 70.45 ลบ. (+27.76%) เติบโตตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นปี 65 บ.มี backlog มูลค่าราว 417 ลบ. คาดว่าจะรับรู้ในปี 66 ที่ 332 ลบ. ขณะที่เราคาดว่าช่วงครึ่งปีแรกนี้จะเห็นปริมาณงานเพิ่มขึ้นราว 500 ลบ. (งานที่บ.เข้าร่วมประมูลในช่วง ม.ค.66-ก.พ.66 อยู่ที่ราว 280 ลบ.) สำหรับทิศทางการดำเนินงานในระยะถัดไปเราคาดว่านอกจากงาน System Intregation ที่เป็นงานขายและติดตั้งจะเพิ่มขึ้นแล้ว งานในส่วนที่เป็น recurring income อย่างงาน Maintainance และ งานให้เช่า ก็จะเพิ่มขึ้นไล่ขึ้นมาเช่นกัน(หลังได้งานติดตั้งก็ทำงานบำรุงในโครงการต่อ/ งานให้เช่ามีศักยภาพมากขึ้นหลังจากได้เงินจาก IPO) โดยทางผู้บริหารให้เป้าการเติบโตรายได้ในระยะ 3-5 ปีที่ราว 25-30%/ปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มี.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top