หุ้นไทยปิดเด้งแรง 41.11 จุด รับแรงซื้อกลับหลังดิ่งหนัก แนะปรับพอร์ตตามทิศทางดอกเบี้ยเฟด

SET ปิดวันนี้ที่ 1,565.00 จุด เพิ่มขึ้น 41.11 จุด (+2.70%) มูลค่าการซื้อขาย 69,703.56 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวขึ้นมาได้เกือบเท่าลงไปหนักเมื่อวานนี้ นักลงทุนปรับพอร์ตตามสถานการณ์ ขณะที่ Fund Flow ยังชะลอเข้าตลาดตราสารหนี้หลังประเมินเฟดอาจยังไม่ลดดอกเบี้ยหลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐแม้ออกมาตามคาดแต่ยังสูง หลังจาก 3 วันที่ผ่านมาเงินโยกจากตลาดหุ้นเข้าตลาดตรสารหนี้ แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดฟื้นได้ต่อเนื่อง ให้แนวต้าน 1,585 จุด แนวรับ 1,555 จุด

SET ปิดวันนี้ที่ 1,565.00 จุด เพิ่มขึ้น 41.11 จุด (+2.70%) มูลค่าการซื้อขาย 69,703.56 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีรีบาวด์ขึ้นมาแรง โดยแตะจุดสูงสุดของวันที่ 1,573.51 จุด ทำจุดต่ำสุด 1,543.61 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 1,278 หลักทรัพย์ ลดลง 302 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 444 หลักทรัพย์

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ฟื้นตัวขึ้นมาได้ดีจากที่ดิ่งไปเกือบ 50 จุดเมื่อวานนี้ แม้วันนี้จะไม่ได้มี catalyst พิเศษ แต่หลังจากที่ตลาดปรับลงไปใกล้ 1,520 จุดซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ ทำให้ P/E ลงมาที่ 15 เท่า นักลงทุนจึงตัดสินใจเสี่ยงเข้าซื้อ

ด้านเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ชะลอไหลเข้าตลาดตราสารหนี้แล้ว หลังจากช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงมาต่อเนื่อง 3 วันที่ผ่านมา Fund Flow โยกเข้าตลาดตราสารหนี้ไปค่อนข้างมากเพราะมองว่ามีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะลดดอกเบี้ยหลังจากเกิดปัญหาภาคธนาคาร แต่เนื่องจากล่าสุดตัวเลขเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ทำให้คาดว่าเฟดอาจยังไม่ลดดอกเบี้ย น่าจะเลือกหนทางตรึงดอกเบี้ยไว้มากกว่า และยังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่า Fund Flow จะไหลกลับเข้าตลาดหุ้นมากนัก โดยเงินบาทวันนี้แกว่งตัวแคบ

แนะนำนักลงทุนปรับพอร์ตตามสถานการณ์ โดยลดน้ำหนักลงทุนในหุ้นที่เคย perform จากดอกเบี้ยเฟดเป็นขาขึ้น อาทิ กลุ่มแบงก์, กลุ่มประกัน เนื่องจากมองว่าดอกเบี้ยคงไม่สูงไปกว่านี้ ขณะที่กลุ่มที่เคย under perform ก็น่าจะฟื้น อาทิ กอง REIT, สื่อสาร, อาหาร, ค้าปลีกที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น BJC, CPALL, MAKRO และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่อิงกับตลาดพันธบัตร

แนวโน้มในวันพรุ่งนี้ตลาดน่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ให้แนวต้านที่ 1,585 จุด แนวรับที่ 1,555 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,650.42 ล้านบาท ปิดที่ 70.75 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,075.21 ล้านบาท ปิดที่ 131.50 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท

PRTR มูลค่าการซื้อขาย 2,685.63 ล้านบาท ปิดที่ 10.10 บาท เพิ่มขึ้น 2.90 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,969.49 ล้านบาท ปิดที่ 61.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,956.56 ล้านบาท ปิดที่ 974.00 บาท เพิ่มขึ้น 40.00 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มี.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top