CONSENSUS: กลุ่มปั๊มน้ำมันปี 66 รุ่ง!! ปลดล็อกค่าการตลาดจ่อโกยยอดขายช่วงสงกรานต์

กลุ่มค้าปลีกน้ำมันปี 66 ยังเติบโต จากปริมาณการขายน้ำมันเพิ่มขึ้นตามดีมานด์ เห็นได้จากกรมธุรกิจพลังงานเปิดภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยเดือนม.ค.66 ที่ 161.49 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการท่องเที่ยวที่เริ่มฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลาย และยังคงเติบโตต่อเนื่องตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

อีกทั้งช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประชาชนส่วนมากเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนา ทำให้จะส่งผลดีต่อปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านปั๊ม PTT Station, ปั๊มน้ำมันบางจาก และปั๊มน้ำมันพีที (PT) ซึ่งถือเป็นผู้ค้าปลีกน้ำมันรายใหญ่ของไทย

คาดปริมาณการขายน้ำมันปี 66 โตต่อเนื่อง

บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) วางเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปี 66 เติบโตสอดคล้องกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ประมาณ 2.7-3.7% จากปีก่อนที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านปั้ม PTT Station จำนวน 13,133 ล้านลิตร

บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโต 13-14% จากปี 65 มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านปั๊ม คิดเฉลี่ย 498 ล้านลิตรต่อเดือน หรือ 5,976 ล้านลิตรต่อปี

บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) วางเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทางเติบโต 8-12% จากปีก่อน มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันผ่านทุกช่องทาง 5,316 ล้านลิตร

รับอานิสงส์ค่าการตลาดสูงขึ้น

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดาโอ ระบุว่า ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันจะยังได้อานิสงส์จากแนวโน้มค่าการตลาด (marketing margin) ที่สูงขึ้นในไตรมาส 1/66 หลังคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (EPPO) เห็นชอบให้ปรับ marketing margin กลับสู่สภาวะปกติเหมือนในปี 63 ทั้งกลุ่มดีเซล เบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ เฉลี่ยอยู่ที่ 2 บาท/ลิตร ตั้งแต่ วันที่ 15 ก.พ.66

นอกจากนี้ กลุ่มค้าปลีกน้ำมันน่าจะเห็นต้นทุนการดำเนินงานต่ำลงหลังจากโรงกลั่นภายในประทศกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติทำให้มีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลง อีกทั้งปริมาณขายน่าจะฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น

ด้วยอานิสงส์จากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวตั้งแต่ปลายปี 65 ทำให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีผลขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันสถานะกองทุนติดลบราว 1 แสนล้านบาทในเดือน มี.ค.66 เทียบกับจุดขาดทุนสูงสุด 1.33 แสนล้านบาทในเดือน พ.ย.65 ทำให้เชื่อว่าแรงกดดันต่อ marketing margin ต่ำจะน้อยลง

EPPO รายงาน marketing margin อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น โดยค่าเฉลี่ยของทุกผลิตภัณฑ์อยู่ที่ 2. 12 บาท/ลิตรในเดือน ก.พ.66 (+26% YoY, +5% QoQ) ในขณะที่ marketing margin เฉลี่ยของดีเซลอย่างเดียวอยู่ที่ 1.66 บาทต่อลิตร (+57% YoY, +13% QOQ)

OR-BCP-PTG รับผลดีถ้วนหน้า

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.เคจีไอ เผยว่า คาดการณ์กำไรของ OR ในไตรมาส 1/66 จะดีดตัวขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากค่าการตลาดเพิ่มขึ้น, ปริมาณขายน้ำมันมากขึ้น, การลดต้นทุน รวมถึงไม่มีผลขาดทุนจากการด้อยค่า 305 ล้านบาทจากการลงทุนในเมียนมาเหมือนในไตรมาส 4/65

ค่าการตลาดน้ำมันของ OR สำหรับดีเซลมีแนวโน้มดีขึ้นประมาณ 1.80-2.00 บาท/ลิตร กลับมาปกติจากระดับคงที่ 1.40 บาท/ลิตรเนื่องจากไม่ต้องนำเข้าน้ำมันหลังจากซ่อมบำรุงโรงกลั่นของไทย 2 แห่งแล้วเสร็จในไตรมาส 4/65 และการตัดสินใจของกระทรวงพลังงานที่ให้ค่าการตลาดดีเซลกลับไปเป็นปกติที่ 2 บาท/ลิตรตั้งแต่กลางเดือน ก.พ.66 โดย OR มีสัดส่วนปริมาณการขายน้ำมันดีเซลในสถานีบริการน้ำมันราว 60%

ทั้งนี้ ปริมาณการขายน้ำมันคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 1/66 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเติบโตของน้ำมันเครื่องบิน จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

ขณะที่ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองเป็นกลางต่อธุรกิจน้ำมันของ BCP จากคาดการณ์ปริมาณการขายโต 13-14% ได้แรงหนุนน้ำมัน Jet และ การเติบโตจากสถานีบริการน้ำมัน โดยส่วนของปริมาณขายผ่านสถานีบริการคาดโต 9-10% ตามการขยายสาขา และการใช้น้ำมันฟื้นตัว โดยตั้งเป้าขยายสาขา 70 แห่ง เป็น 1,413 แห่ง นอกจากนี้ยังมาจากการเพิ่มการขาย Lube ซึ่งอัตรากำไรสูงกว่าน้ำมันทั่วไป

ส่วน บล.หยวนต้า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า PTG เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1/66 ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 150-200 ล้านบาท จาก

1.ค่าการตลาดที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 1.70-1.80 บาท/ลิตร หลังจากกองทุนน้ำมันฯเริ่มทยอยปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันสำหรับน้ำมันดีเซลตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่เห็นชอบให้ปรับค่าการตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงกลับสู่ระดับปกติ

2. การเติบโตของธุรกิจ LPG ตามการฟื้นตัวของระดับการบริโภคในประเทศ ผลจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฟื้นตัว

3. การฟื้นตัวของส่วนแบ่งกาไรจากธุรกิจ Palm Complex ตามอุปสงค์การใช้น้ำมันไบโอดีเซลที่ฟื้นตัว ผลจากการปรับสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7

คงประมาณการปี 66 ที่ 1,500 ล้านบาท (+62% YoY) อีกทั้งในระยะกลาง PTG มีประเด็นการเก็งกำไรเฉพาะตัวคือ การเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะชุมชนและการนำธุรกิจ Palm Complex และ LPG เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (คาดมีความชัดเจนภายในปี 66)

ราคาปิดวานนี้

OR มาอยู่ที่ 21.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท (+1.90%)

BCP มาอยู่ที่ 31.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท (+2.48%)

PTG มาอยู่ที่ 14.00 บาท ลดลง 0.10 บาท (-0.71%)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 มี.ค. 66)

Tags: , , , , , , , , ,
Back to Top