SA เล็งขยายอาณาจักรออกตจว.-อาเซียนลุยน่านน้ำใหม่ วางเป้ากำไรปีนี้แตะพันล้าน

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไซมิส แอสเสท (SA) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการมองหาโอกาสในการขยายลงทุนในต่างประเทศ เพื่อขยายน่านน้ำใหม่ให้กับธุรกิจ ซึ่งยังคงเน้นการลงทุนในธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ โดยยังคงเป็นการลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียม Branded Residence ที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศอาเซียน ซึ่งบริษัทสนใจอยู่ 2 ประเทศ คือ ฟิลลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่มีจำนวนประชากรเป็นจำนวนมากหลายร้อยล้านคน ประกอบกับที่ดินของทั้ง 2 ประเทศ สามารถครอบครองกรรมสิทธิ (Free hold) ได้ แต่การลงทุนจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น หรือนักลงทุนท้องถิ่นที่เป็นกองทุนในการพัฒนา ซึ่งยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน และมองหาพัฒนาเข้ามาร่วม

“การพัฒนาโครงการในต่างประเทศของ Developer ไทย ก็เป็นเรื่องที่ยาก มีหลายรายไปแล้วก็แพ็คกระเป๋ากลับมา มีเพียงเจ้าเดียวในตลาดที่ไปออสเตรเลียแล้วสำเร็จ ซึ่งการที่เราจะขยายน่านน้ำออกไปต่างประเทศของไซมิส ก็ต้องพิจารณาให้รอบคอบเช่นเดียวกัน” นายขจรศิษฐ์ กล่าว

ขณะเดียวกันยังสนใจขยายการพัฒนาโครงการไปในต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก หลังจากที่บริษัทเคยพับแผนการลงทุนไปในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ปัจจุบันกลับมาสนใจการพัฒนาโครงการในจังหวัดเชียงใหม่ ตอบรับกระแสของกลุ่มคนจีนที่สนใจเข้ามาซี้อที่อยู่อาศัย และลงทุนในเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ประกอบกับธุรกิจ Wellness ในเชียงใหม่กำลังมีทิศทางเติบโตอย่างมาก ซึ่งบริษัทได้ส่งทีมงานให้เข้าไปศึกบาโอกาส และสำรวจความต้องการในตลาดเชียงใหม่ว่ามีมากน้อยแค่ไหน หากมีความต้องการสูงจริง จะตัดสินใจพัฒนาโครงการ Mixed Use ในเชียงใหม่ทันทีในปี 66 และเริ่มก่อสร้างในปี 67 ซึ่งปัจจุบันมีเจ้าของที่ดินในเชียงใหม่ เข้ามายื่นเสนอขายที่ดินกับบริษัทหลายราย

สำหรับงบลงทุนในปี 66 บริษัทวางไว้ 4 พันล้านบาท โดยใช้ซื้อที่ดินยานราชพฤกษ์ 60 ไร่ ไปแล้ว 1 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือ 3 พันล้านบาท จะใช้รองรับการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีแผนในการเข้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารในบริษัทในเครือ คือ SWAM เข้ามาอีก 100 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีพอร์ตบริหารหนี้อยู่ที่ราว 120 ล้านบาท โดยสามารถแก้ปัญหาหนี้ให้กับลูกหนี้ในพอร์ตได้แล้ว 30%

และในปี 66 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมที่ 6.2-6.3 พันล้านบาท โดยมาจากรายได้การขายอสังหาริมทรัพย์ 5.9 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือ 300-400 บาท มาจากรายได้ธุรกิจอื่นๆ และคาดว่าจะมีกำไรราว 1 พันล้านบาท ในปี 66

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top