หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวขึ้นคาดหวังเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยหลัง PMI ต่ำคาด

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้น จากแรงกดดันหุ้น DELTA เริ่มผ่อนคลาย หลังรับรู้ไปมาก และปัจจัยบวกจากตัวเลข PMI ภาคการผลิตสหรัฐเดือนมี.ค.ชะลอ ส่งผลตลาดคาดการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐจะชะลอ ประกอบกับปัจจัยเลือกตั้งไนประเทศยังช่วยหนุน ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวแดนบวก พร้อมให้แนวต้าน 1,610 จุด แนวรับ 1,590 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวขึ้นได้ หลังจากแรงกดดันของหุ้น DELTA รับรู้ไปมากแล้วเมื่อวานนี้ ประกอบกับตัวเลข PMI ภาคการผลิตของสหรัฐเดือนมี.ค. เมื่อคืนนี้รายงานออกมาชะลอตัวลง ทำให้ตลาดคาดว่าแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐจะเริ่มมีการชะลอขึ้นดอกเบี้ยด้วยเช่นกัน

ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังมีปัจจัยการเลือกตั้งหนุน ซึ่งในวันนี้จะเป็นวันที่มีการเปิดรับสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำให้เป็นปัจจัยหนุนในประเทศ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ที่เปิดมาส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก

แต่อย่างไรก็ตามยังมองว่ามูลค่าการซื้อขายในช่วงนี้ยังไม่มาก เนื่องเข้าใกล้สู่ช่วงวันหยุดยาว ทำให้ดัชนีจะยังแกว่งตัวในกรอบ แนวต้าน 1,610 จุด แนวรับ 1,590 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,601.15 จุด พุ่งขึ้น 327.00 จุด หรือ +0.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,124.51 จุด เพิ่มขึ้น 15.20 จุด หรือ +0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,189.45 จุด ลดลง 32.45 จุด หรือ -0.27%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดภาคเช้าที่ระดับ 28,175.72 จุด ลดลง 12.43 จุด หรือ -0.04%, ดัชนีฮั่งเส็งเปิดภาคเช้าที่ระดับ 20,364.36 จุด ลดลง 44.82 จุด หรือ -0.22% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,277.34 จุด เพิ่มขึ้น 0.78 จุด หรือ +0.02%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 เม.ย.66) 1 1,600.37 จุด ลดลง 8.80 จุด (-0.55%) มูลค่าการซื้อขาย 46,844.95 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,405.77 ลบ.เมื่อวันที่ 3 เม.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.(3 เม.ย.) เพิ่มขึ้น 4.75 ดอลลาร์ หรือ 6.3% ปิดที่ 80.42 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 เม.ย.) อยู่ที่ 5.80 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.25 กลับมาแข็งค่าจากวานนี้ ให้กรอบแกว่งวันนี้ 34.10-34.35

– ทั่วโลกจับตา “โอเปก” ลดกำลังผลิตน้ำมันดิบเพิ่มวันละ 1.16 ล้านบาร์เรล นักวิเคราะห์หวั่นราคาขึ้นไปแตะ 100 ดอลลาร์ “พลังงาน” เกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ชี้ขึ้นอีก 10 ดอลลาร์ ดันราคาน้ำมันในไทยขึ้นลิตรละ 2 บาท กองทุนน้ำมันยังพยุงราคาได้ หลังติดลบ เหลือ 9.1 หมื่นล้าน พร้อมเดินหน้ากู้เงินก้อนที่ 2 อีก 80,000 ล้าน เผยลดราคาดีเซลรอบ 4 เหลือลิตรละ 33 บาท ยันยังรับไหว

– “กกต.” พอใจภาพรวมรับสมัคร ส.ส.แบ่งเขต วันแรกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จี้พรรคการเมืองติดป้ายบดบังทัศนวิสัย การจราจร หากไม่แก้ไขจะโดนจัดเก็บ เตือนอย่าทำผิดกฎหมาย ยันพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตทำตามที่เคยปฏิบัติ เตรียมพร้อมรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ วางระบบคุมเข้มรักษาความปลอดภัย หลังรอง ผบช.น. ติงสื่อไม่ยึดระเบียบ แนะตรวจสอบข้อมูลได้ที่สายด่วน 1444 หรือโหลดแอป smart vote

– “สำนักงบฯ” ส่งสัญญาณการจัดทำ งบปี 67 ล่าช้า หลังตั้งรัฐบาลใหม่ คาดประกาศใช้ได้ในไตรมาส 1 ปี 67 จากปกติเริ่มใช้เดือน ต.ค. ชี้รัฐบาลใหม่มีอำนาจรื้อกรอบงบประมาณใหม่ได้ ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำกรอบงบประมาณโดย 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ เตรียมปฏิทินงบประมาณใหม่ ทำควบคู่ไปกับงบปี 68 เหมือนปี 62 ที่มีการเลือกตั้ง

– ซัพพลายเชน “ภาคท่องเที่ยว” หลังโควิดส่อซ้ำรอยวงจรเดิม เอกชนพบสัญญาณ “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ฟื้นป่วนตลาด “จีนเที่ยวไทย” ขุมทรัพย์ใหญ่กว่า 5.3 แสนล้าน “กระทรวงท่องเที่ยวฯ” ประสานทางการจีน คุมคุณภาพตั้งแต่ต้นทางก่อนส่งออกทัวริสต์จีนมาไทย ด้าน “ททท.” ยันไร้กังวล “ธุรกิจท่องเที่ยววงจรปิด” หากแข่งขันในกรอบกฎหมาย ส่วนประเด็นใหม่ “ทัวร์อั้งยี่” เจ้าของธุรกิจ ผูกขาดชาติเดียว ใช้ไกด์เถื่อน นอมินี ทุนสีเทา มีเอี่ยว ย้ำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแก้ทุกปม

 

หุ้นเด่นวันนี้

– TISCO (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 110 บาท ได้ Sentiment บวกยอดขายและยอดจองในงาน Motor Show เพิ่มขึ้นโดดเด่น ขณะที่ TISCO จ่ายปันผลสูง 7.75 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield 7.7% ขึ้น XD 21 เม.ย. 2566

– BCPG (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.20 บาท ราคาหุ้นทยอยฟื้นตัวหลังบริษัทเข้าลงทุนโครงการใหม่ช่วยชดเชยกำไรส่วนที่หายไปจาก Geothermal และ Solar Farm ในไทยที่ Adder ทยอยหมดลงในช่วงปี 66-67 ทั้งการเข้าลงทุนธุรกิจคลังจัดเก็บน้ำมันและท่าเทียบเรือ คาดกำไร 100-200 ล้านบาท/ปี โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ (CCE+SFE) กำลังการผลิตตามสัดส่วนรวม 151 MWe คาดกำไรราว 200 ล้านบาท/ปี (เริ่มรับรู้ใน 2Q66) และล่าสุดเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ อีก 2 โรง (Liberty+Patriot) กำลังการผลิตตามสัดส่วนรวม 426 Mwe คาดกำไร 500-600 ล้านบาท/ปี ทั้งนี้บริษัทใช้เงินลงทุนรวมทั้ง 3 โครงการ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยมีเงินสดในมือ 2 หมื่นล้านบาท ขณะที่ D/E ปัจจุบันอยู่ที่ 0.9 เท่า และ D/E covenant ที่ 3 เท่า ทำให้ยังมีความสามารถในการลงทุนได้อีกมาก




โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 เม.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top