IPOInsight: MGC ก้าวสู่บทใหม่ในธุรกิจการเงิน เสริมแกร่งยานยนต์หรูครบวงจร

บมจ.มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (MGC) เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 280 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7.95 บาท เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ หมวดธุรกิจพาณิชย์ ภายใน 26 เม.ย. 66 นี้

MGC ประกอบธุรกิจครบวงจรในอุตสาหกรรมยานยนต์ ภายใต้ระบบ MGC-ASIA Ecosystem แบ่งออกเป็น 4 โครงสร้างหลักได้แก่

1) กลุ่มธุรกิจจำหน่ายยานยนต์ภายใต้ยี่ห้อชั้นนำ อาทิ BMW Mini Honda และ Rolls-Royce สำหรับรถยนต์, BMW Motorrad และ Harley-Davidson สำหรับรถจักรยานยนต์, Azimut สำหรับเรือยอร์ช และ Chris Craft สำหรับเรือแม่น้ำ

2) กลุ่มธุรกิจให้บริการหลังการขายและให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระ

3) กลุ่มธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์และคนขับ

4) กลุ่มธุรกิจให้บริการอื่น ๆ เช่น บริการทางการเงินสำหรับยานยนต์ นายหน้าประกันภัย

นายสัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MGC เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า เงินระดมทุนส่วนแรกใช้สำหรับชำระคืนหนี้เงินกู้จากสถาบัน สร้างฐานทางการเงินของบริษัทให้แข็งแกร่ง

ส่วนที่สองนำไปใช้ขยายธุรกิจใน บริษัท อัลฟา เอกซ์ จำกัด (Alpha X) ที่ได้ร่วมทุนกับ บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCB) เพื่อให้บริการทางการเงินอย่างครบวงจร ครอบคลุมสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ สำหรับยานยนต์ระดับลักชัวรี่และมารีน

ส่วนที่สามคือนำเงินไปขยายธุรกิจบริการหลังการขาย ซึ่งสร้างรายได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ทั้งศูนย์ให้บริการซ่อมบำรุงรถยนต์อิสระภายใต้ยี่ห้อ MMS Bosch Car Service ที่ปัจจุบันมีอยู่ 21 สาขา ในพื้นที่ กรุงเทพ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยวางแผนเพิ่มเป็น 35 สาขาภายในปี 69 เพื่อรองรับลูกค้าทั่วประเทศ

ขณะเดียวกันตั้งเป้าเป็นผู้นำในธุรกิจมารีนภายใน 3-5 ปี ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นธุรกิจบลูโอเชียน โดยเตรียมแผนการลงทุนเพื่อสร้าง Marine Ecosystem ในเมืองไทย เพื่อเป็น Prototype สำหรับโอกาสในอนาคตที่อาจจะขยายธุรกิจไปยังอาเซียน

สำหรับธุรกิจ Used Car เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มีความสำคัญกับบริษัท ปัจจุบันเราเห็นพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป มีโลกออนไลน์เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้น บริษัทจึงได้จัดเตรียมแพลตฟอร์ม Carlaxy เพื่อยกระดับธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสองให้เป็นไปตามยุคสมัย โดยในเฟสแรกคาดจะให้บริการแพลตฟอร์มได้ในปี 66

และเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเข้ามา เราก็อยู่ในเทรนด์ตรงนี้เช่นกัน บริษัทเตรียมพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้เรื่องตลาดรถยนต์ EV มากขึ้น ทั้งส่วนบริการหลังการขาย ที่ปรึกษาการขาย รวมถึงลงทุนด้าน Infrastructure เพื่อรองรับเทรนด์ของรถยนต์ EV ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้น

“ต้องบอกว่า DNA ขององค์กรเราไม่เหมือนใคร ในการดำเนินธุรกิจผ่าน 4 โครงสร้างหลักของบริษัท สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและการบริการของเรา และเป็นเครื่องยืนยันให้แบรนด์พันธมิตรระดับโลกไว้วางใจเรา ทำให้เรามีโอกาสในการขยายธุรกิจมากกว่าคนอื่น ซึ่งนี่คือข้อได้เปรียบและความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นในอุตสาหกรรม” นายสัณหวุฒิกล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 เม.ย. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top