มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 60 ล้านหุ้น เข้า mai

บมจ.มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย (MCA) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.09% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขาย IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจบริการโดยมี บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

บริษัทจะนำเงินที่ระดมทุนได้ไปใช้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจซึ่งรวมถึงธุรกิจการจัดจำหน่ายสินค้า (Distributor)

บมจ.มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย (MCA) เป็นผู้เชี่ยวชาญในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด พร้อมการให้บริการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดแบบครบวงจร ผ่านรูปแบบของกิจกรรมการตลาดภาคสนาม (Field Marketing) เป็นหลัก เพื่อตอบโจทย์ทางธุรกิจให้แก่ลูกค้าให้ได้ตั้งแต่ การเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) การสร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้อุปโภคบริโภค (Customer Engagement) ไปจนถึงการผลักดันยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง (Boost Sales) ซึ่งการให้บริการประกอบไปด้วย การจัดตั้งบูธสินค้า (Booth) การจัดโรดโชว์สินค้า (Roadshow) หรือการจัดกิจกรรมทางการตลาด (Marketing Event)

เช่น กิจกรรมการเปิดตัวสินค้า (Product Launch) เป็นต้น ตามสถานที่ต่างๆ รวมถึงบริการจัดกิจกรรมในรูปแบบดิจิทัล (Digital) เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้า และสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้า ไปตลอดจนถึงการให้บริการพนักงานแนะนำสินค้า (Product Consultant) และบริการพนักงานจัดเรียงสินค้า (Merchandiser) ซึ่งเป็นบริการที่ช่วยส่งเสริมการขายสินค้า ณ จุดขายสินค้า ในแต่ละสถานที่จัดจำหน่าย

โดยสามารถแบ่งบริการหลักออกเป็น 4 บริการ ดังนี้ 1) บริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล 2) บริการบรรจุและจัดส่งสินค้า 3) บริการพนักงานแนะนำสินค้า และ 4) บริการจัดเรียงสินค้า

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566 บริษัท ภักดี 2019 โฮลดิ้ง จำกัด ถืออยู่ 70.00% หลังขายหุ้น IPO ลดลงเหลือ 51.74% นายภักดี เหล่างาม ถือ 30% หลังขายหุ้น IPO เหลือ 22.17%

ปี 2562 ถึง 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการบริการรวม 331.67 ล้านบาท 235.62 ล้านบาท 224.07 ล้านบาท

372.65 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต (หดตัว) สำหรับปี 2563 – 2565 ที่ (28.96%) (4.90%) และ 66.31% ตามลำดับ โดยการหดตัวในปี 2563 – 2564 มีสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของเศรษฐกิจชะลอตัวอันเนื่องมาจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ สำหรับปี 2562 ถึง 2565 เท่ากับ 53.56 ล้านบาท 0.73 ล้านบาท 2.74 ล้านบาท และ 16.51 ล้านบาท ตามลำดับ หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 15.90% 0.31% 1.22% และ 4.43% ตามลำดับ

บริษัทฯ มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมายในแต่ละปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 เม.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top