ยอดติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มตามคาด หลังเปิดเทอม-เข้าหน้าฝน กทม.-ปริมณฑลพุ่ง

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 เป็นไปตามที่ได้คาดการณ์ไว้ คือ หลังเทศกาลสงกรานต์ โรงเรียนเปิดเทอมและเข้าสู่ฤดูฝน จะพบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 2,970 ราย เฉลี่ยวันละ 424 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 425 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 253 ราย และเสียชีวิต 42 ราย เฉลี่ยวันละ 6 ราย แนวโน้มผู้เสียชีวิตลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มี 60 กว่าราย แต่ปัจจัยเสี่ยงของผู้เสียชีวิตยังเหมือนเดิม คือ เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อจากคนในครอบครัวที่มีกิจกรรมนอกบ้าน ที่สำคัญเกือบทั้งหมดไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉีดไม่ครบตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

“การฉีดวัคซีนถือเป็นมาตรการเร่งด่วนสำหรับผู้สูงอายุ เพราะช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตได้ ขอให้ลูกหลานพาผู้สูงอายุในบ้านไปฉีดวัคซีน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์การฉีดวัคซีนประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา และหากลูกหลานป่วยมีอาการทางเดินหายใจ ต้องไม่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดผู้สูงอายุ หรือหากจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการนำเชื้อไปแพร่ให้ผู้สูงอายุ” นพ.โอภาส กล่าว

ขณะนี้ในเขต กทม.และปริมณฑล พบมีการระบาดมากกว่าพื้นที่อื่น จึงให้กรมควบคุมโรคในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ทำหนังสือประสานประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม./จังหวัด ให้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนประจำปี เพื่อเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น ซึ่ง สธ.ยินดีสนับสนุนเวชภัณฑ์และข้อมูลต่างๆ

ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งความสามารถในการแพร่ระบาดและความรุนแรงไม่ได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม เตียงรองรับผู้ป่วยภาพรวมทั้งประเทศและ กทม. ยังคงเพียงพอ อัตราครองเตียงอยู่ที่ 22% ขณะที่ยาที่ใช้ในการรักษามีเพียงพอเช่นกัน

ขณะเดียวกันกรมควบคุมโรคได้รายงานสถานการณ์โรคไข้เลือดออกตั้งแต่ต้นปี 2566 พบผู้ป่วยจำนวน 16,650 ราย เสียชีวิต 17 ราย คาดว่าเดือนหน้าจะมีผู้ป่วยเพิ่มสูงมากขึ้น เนื่องจากการสำรวจลูกน้ำยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคตามบ้านเรือนประชาชนและสถานที่ต่างๆ พบว่าบางแห่งดัชนีลูกน้ำยุงลายสูงกว่า 50% เช่น โรงเรียน วัด สถานที่ราชการ และโรงงาน ซึ่งจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับเรื่องการสำรวจและเร่งกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายต่อไป ทั้งนี้ อาการของโรคไข้เลือดออกในช่วงแรกจะคล้ายคลึงกับโรคติดต่อทางเดินหายใจอื่นๆ เช่น โควิด 19 ไข้หวัดใหญ่ ทำให้วินิจฉัยได้ยาก ได้กำชับให้บุคลากรทางการแพทย์ตระหนักและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด สำหรับผู้ป่วย หากมีอาการไข้ สงสัยโรคไข้เลือดออก ขอให้ปรึกษาแพทย์

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top