หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งลง ตอบรับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยหวังสกัดเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวลง รับปัจจัยกดดันจากถ้อยแถลงประธานเฟดที่ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย เพื่อลดเงินเฟ้อสหรัฐลงมาตามเป้าหมาย 2% แต่ยังมองว่าหากแกว่งตัวลงจะแกว่งในกรอบจำกัด หลังดัชนีปรับตัวลงมามากแล้ว และลุ้นรีบาวด์ทางเทคนิคในบางช่วง พร้อมให้แนวต้าน 1,530 จุด แนวรับ 1,510 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวลง รับ Sentiment เชิงลบจากปัจจัยภายนอก หลังจากถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อคืนนี้ที่ยังคงเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ เพื่อให้เงินเฟ้อลดลงมาตามเป้าหมาย 2% ที่เฟดวางไว้ ทำให้เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น

อย่างไรก็ตามมองว่าดัชนีลดลงมาค่อนข้างมาก ทำให้การแกว่งตัวลงมาอาจจะแกว่งในกรอบจำกัด และมีการรีบาวด์ทางเทคนิคกลับในบางช่วงได้ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เปิดมาปรับตัวลง ยกเว้นตลาดหุ้นจีนปิดทำการในวันนี้

โดยให้แนวต้าน 1,530 จุด แนวรับ 1,510 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 มิ.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,951.52 จุด ลดลง 102.35 จุด หรือ -0.30%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,365.69 จุด ลดลง 23.02 จุด หรือ -0.52% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,502.20 จุด ลดลง 165.09 จุด หรือ -1.21%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นหลังเปิดตลาด 15 นาที ดัชนีนิกเกอิปรับตัวขึ้น 22.99 จุด หรือ +0.07% สู่ระดับ 33,598.13 จุด หลังจากดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 33,438.01 จุด ลดลง 137.13 จุด หรือ -0.41% ส่วนตลาดหุ้นจีน ไต้หวัน และฮ่องกงปิดทำการในวันนี้ เนื่องในเทศกาลแข่งเรือมังกรหรือวันไหว้บ๊ะจ่าง

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 มิ.ย.66) 1,522.12 จุด ลดลง 15.47 จุด (-1.01%) มูลค่าซื้อขาย 43,091.32 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,529.54 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.(21 มิ.ย.) เพิ่มขึ้น 1.34 ดอลลาร์ หรือ 1.88% ปิดที่ 72.53 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 มิ.ย.) อยู่ที่ 3.36 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.83 แนวโน้มแกว่งในกรอบ 34.65-34.95 ตลาดจับตาผลประชุม BoE

– บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ ไฟเขียวปรับเกณฑ์ บจ. ทั้งกระบวนการ ตั้งแต่คุณสมบัติ บจ. เข้าใหม่หวังเพิ่มความแข็งแกร่ง รวมถึงเกณฑ์ “แบ็กดอร์” พร้อมยกระดับการดูแล เตรียมเปิดเฮียริ่งไตรมาส 3 นี้ ด้านผู้ถือหุ้นรายย่อย STARK รวมตัวฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่าพันล้าน

– ทุนไทยจับตา “สหรัฐ” เพิ่มมาตรการคว่ำบาตร 2 แบงก์ของเมียนมา ชี้เป็นการยกระดับแซงชั่น ทำให้บริษัทต่างชาติ ทำธุรกรรมการเงินยากขึ้น ห่วงลามถึงธนาคารไทยในเมียนมา บริษัทขนาดกลาง-เล็กแห่ ขนเงินออก บริษัทใหญ่ยังปักหลักต่อ แต่พับแผนลงทุนใหม่ “ทูตพาณิชย์” เผยธนาคารใหญ่ ของเมียนมา 3 แห่ง ยังไม่มีรายชื่อคว่ำบาตร สถานทูตสหรัฐยืนยันพยายามตัดท่อน้ำเลี้ยงรัฐบาลทหารเมียนมา

– “ดีอีเอส” เคาะวันดีเดย์กฎหมายจดแจ้งแพลตฟอร์มดิจิทัลเริ่ม 21 ส.ค.นี้ ลดฉ้อโกงออนไลน์ พร้อมยืดเวลา จดแจ้งภายใน 90 วัน หากไม่ดำเนินการมีโทษ จำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คาดมีผู้ให้บริการจดแจ้งกว่า 1,000 ราย ย้ำแม่ค้าออนไลน์-อินฟลูเอนเซอร์ ไม่กระทบ แต่ต้องทำ ตามเงื่อนไข

– สภาพัฒน์ฯ (สศช.) ห่วงเศรษฐกิจสะดุด เล็งอัดงบ 1.9 ล้านล้านบาท ระหว่างรอรัฐบาลใหม่ มองเม็ดเงินดังกล่าวเพียงพอพยุงเศรษฐกิจได้ ระหว่างรองบประมาณปี 67 เชื่อหากงบประมาณผ่านในไตรมาส 1/67 รัฐบาลชุดใหม่จะเหยียบคันเร่งเบิกจ่ายเพื่อให้ทันระยะเวลา

 

*หุ้นเด่นวันนี้

– CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท ทิศทางกำไรไตรมาส 2/66 – ครื่งปีหลังปีนี้ คาดว่ายังคงแข็งแรงต่อเนื่องตามเศรษฐกิจที่ฟื้นและส่วนลดค่าเช่าที่คาดทยอยปรับตัวสู่ระดับปกติ คาดกำไรปี 2566 ที่ 1.3 หมื่นลบ. +18% y-y กลับไปสูงกว่าก่อนโควิด ประเด็นความกังวลการต่อสัญญาเช่าห้างของ CPNREIT และอาจต้องเพิ่มทุนเรามองกรณีแย่สุดหากมูลค่า CPNREIT หายไป จะกระทบ CPN ไม่เกิน 2 บาท ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก CPNREIT คิดเป็นราว 6% ของกำไร CPN เรามองราคาที่ปรับลงแรงวานนี้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว

– KTB (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19 บาท แนวโน้มกำไรปี 66/67 ได้แรงหนุนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ที่สูงขึ้นจากตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นช่วยชดเชยต้นทุนสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นและหนุนการเติบโตของกำไรได้ ส่วนคุณภาพสินทรัพย์ไม่น่ากังวล เนื่องจาก 40% ของสินเชื่อทั้งหมดเป็นสินเชื่อภาครัฐที่มีความเสี่ยงต่ำ ในขณะที่ช่วง 2H66 มีโอกาสตั้ง AMC เพื่อเคลียร์งบดุล

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top