หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ จับตาโหวตนายกฯต่อหลังปธ.สภายุติ-น้ำมันลงกดดัน

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ แม้วานนี้จะได้ข้อยุติการเลือกประธานสภาฯ แต่ก็ยังเป็นคนกลาง และต้องติดตามการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีต่อ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อีกครั้ง คาดกดดันกลุ่มพลังงาน พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,490 จุด และแนวต้าน 1,510-1,520 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ แม้วานนี้การหารือกรณีเลือกประธานสภา ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะได้ข้อยุติ แต่ก็ยังมาจากคนกลาง สะท้อนต่างฝ่ายก็ยังไม่ยอมกัน และต้องติดตามการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีต่อ

ทั้งนี้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลก หลังมีรายงานว่าภาคการผลิตในหลายประเทศอ่อนแรงลง

ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบเล็กน้อย

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,490 จุด และแนวต้าน 1,510-1,520 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (3 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,418.47 จุด เพิ่มขึ้น 10.87 จุด หรือ +0.03%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,455.59 จุด เพิ่มขึ้น 5.21 จุด หรือ +0.12% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,816.77 จุด เพิ่มขึ้น 28.85 จุด หรือ +0.21%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,289.06 จุด ลดลง 17.53 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,241.23 จุด ลดลง 2.75 จุด หรือ -0.08% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 33,512.26 จุด ลดลง 241.07 จุด หรือ -0.71%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 ก.ค..66) 1,506.84 จุด เพิ่มขึ้น 3.74 จุด (+0.25%) มูลค่าซื้อขาย 32,732.05 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,029.85 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 ก.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(3 ก.ค.) ลดลง 85 เซนต์ หรือ 1.20% ปิดที่ 69.79 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 ก.ค.อยู่ที่ 4.87 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.00 แนวโน้มผันผวน จับตาผลโหวตประธานสภาฯวันนี้

– เพื่อไทย-ก้าวไกลสรุปแล้ว “ตาอยู่” วันนอร์คว้าเก้าอี้ประธานสภาฯ ไปกิน “พิธา” ยกเหตุผลเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลราบรื่น แล้วผลักดันตัวเองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ พร้อมเคาะรองประธานคนที่ 1 โควตา ก.ก. ส่วนคนที่ 2 เป็นของ พท. เตรียมดันนิรโทษและกฎหมายปฏิรูปกองทัพ 3 ฉบับเป็นหลัก ทั้ง พ.ร.บ.กลาโหม-อัยการศึก-กอ.รมน. ไม่เอ่ยอ้างถึงมาตรา 112 “ชลน่าน” ย้ำพรรคไม่มีแตกแถว และไม่เสนอชื่อชิงแน่

– “ดีเอสไอ” เผยตรวจพบ ผู้ทุจริตกรณี “สตาร์ค” เบื้องต้น 3 ราย ออกหมายเรียก “ศรัทธา -ชนินทร์” รับทราบข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้ คาดอาทิตย์หน้าออกหมายเรียกเพิ่มอีกหนึ่งราย ด้าน “พ.ต.ต. ยุทธนา” แจงยังไม่ได้รับหนังสือสารภาพจาก “ศรัทธา” ขณะ “อาคม” สั่งเอาผิดหน่วยตรวจสอบบัญชี ทั้งตัวบุคคล-บริษัท กำชับบอร์ดก.ล.ต.-ตลท.ออกมาตรการป้องซ้ำรอยสร้างบัญชีเทียม

– ธปท.เตรียมออกมาตรการแก้หนี้ครัวเรือนอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกหนี้ จ่อออกมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง สั่งแบงก์ เจ้าหนี้ ต้องปิดจบหนี้ของลูกหนี้ให้ได้ภายใน 4 ปี หากไม่สามารถปิดหนี้ได้หมดภายในปีที่ 4 บังคับแบงก์ต้องลดดอกเบี้ยช่วยลูกหนี้ 8-12% แต่หากเคลียร์หนี้ไม่ได้ ลูกหนี้เสี่ยง “ติดแบล็กลิสต์”

– “สมาคมตลาด ตราสารหนี้ไทย” เผยมูลค่าคงค้างหุ้นกู้มีปัญหาไม่รวมเข้าฟื้นฟูกิจการ ครึ่งปีแรกแตะ 3.72 หมื่นล้าน พร้อมจับตาหุ้นกู้ ALL จำนวน 4 รุ่น จ่อมีโอกาส เบี้ยวจ่ายหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้ หวังผู้ถือหน่วยต่อลมหายใจ ยันผลกระทบต่อภาพรวมยังจำกัด หลัง “สตาร์ค” ทุบตลาดหุ้นกู้นอนเรตติ้งซบเซาหนัก ฟากนักลงทุน ระมัดระวังมากขึ้น มองหาพันธบัตร ออมทรัพย์ทดแทน

 

หุ้นเด่นวันนี้

– WHA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 5 บาท มีแนวโน้มสูงที่บริษัทจะปรับประมาณการณ์ยอดขายที่ดินในปีนี้ขึ้นจากเดิม 1,750 ไร่ หลังจากที่ดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มทุนรถไฟฟ้าจากจีน

– JMT (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 41.00 บาท คาดราคาหุ้น JMT Bottom out, 2H23E เข้า High Season แนะนำทยอยซื้อสะสมประเมินราคาหุ้น JMT ฟื้นตัวหลังปรับฐาน -43.8%YTD รับปัจจัยเสี่ยงไปแล้ว คาดผลประกอบการไตรมาส 2/66 โต YoY ทรงตัว QoQ เริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของกำไรในช่วงครึ่งหลังปี 66โดยใน 3Q23E เริ่มรับรู้รายได้จากหนี้ก้อนใหญ่ขนาด 5 หมื่น ลบ. ที่ประมูลได้มาในช่วง 2Q23 เต็มไตรมาส พร้อมกับส่วนแบ่งกำไรจาก JKAM ที่เพิ่มขึ้นหนุน DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 1.99 พัน ลบ. และ 2.35 พัน ลบ. +14%YoY และ +18%YoY ตามลำดับ

– MINT (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.50 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/66 ฟื้นตัว QoQ, YoY สวนทางกับหุ้นในกลุ่มโรงแรมส่วนใหญ่ที่เข้าช่วง Low season มีปัจจัยหนุนจากธุรกิจโรงแรมในยุโรป NH Hotel เข้าสู่ช่วง High season ส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพัก และรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) เพิ่มขึ้นในช่วง เม.ย.-พ.ค. เช่นเดียวกับธุรกิจอาหารโดยเฉพาะตลาดในประเทศไทยที่เติบโตดีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ส่วนต่างประเทศเติบโตขึ้นจากฐานที่ต่ำในประเทศจีน ทั้งนี้บริษัทคงคาดการณ์รายได้ในปี 65-68 เติบโตเฉลี่ย CAGR 12-15% โดยในปี 66 ตลาดคาดกำไร 5.8 พันล้านบาท +34%YoY ส่วน Valuation ยังไม่แพงเทียบกับกลุ่ม

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ก.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top