หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ รอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ-โหวตนายกฯ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ รอติดตามตัวเลข CPI สหรัฐคืนพรุ่งนี้ และการโหวตนายกฯในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ แต่อาจมีแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นงบฯไตรมาส 2/66 เข้ามาช่วยหนุน แม้ยังไร้ปัจจัยใหม่ ด้านตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาปรับขึ้น พร้อมให้แนวต้าน 1,510 จุด แนวรับ 1,490 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์รอปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการรายงานตัวเลข CPI ของสหรัฐในคืนพรุ่งนี้ รวมถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตามยังอาจมีแรงซื้อเก็งกำไรผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 เข้ามาในหุ้นบางกลุ่มได้ช่วยหนุนดัชนีได้ แม้ว่าในช่วงนี้ยังคงไร้ปัจจัยใหม่ ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น

โดยให้แนวต้าน 1,510 จุดแนวรับ 1,490 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (10 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,944.40 จุด เพิ่มขึ้น 209.52 จุด หรือ +0.62%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,409.53 จุด เพิ่มขึ้น 10.58 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,685.48 จุด เพิ่มขึ้น 24.77 จุด หรือ +0.18%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,671.42 จุด เพิ่มขึ้น 191.7 จุด หรือ +1.04%, ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,211.12 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด หรือ +0.23% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,434.67 จุด เพิ่มขึ้น 244.94 จุด หรือ +0.76%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ก.ค..66) 1,496.89 จุด เพิ่มขึ้น 6.38 จุด (+0.43%) มูลค่าซื้อขาย 34,045.86 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 253.06 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ก.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค.(10 ก.ค.) ลดลง 87 เซนต์ หรือ 1.18% ปิดที่ 72.99 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ก.ค.) อยู่ที่ 4.60 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 34.97 ตลาดเกาะติดตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ-การเมืองในปท.สัปดาห์นี้

– สัญญาณ ส.ว.จ่อคว่ำ “พิธา” 90% พร้อม “งดออกเสียง” คาดกลุ่มหนุนไม่เกิน 10 ขณะที่ ขั้วรัฐบาลเดิม 188 เสียง แนวโน้มงดออกเสียง อ้างเงื่อนไข “แก้ ม.112” จับตางัด “เกมสภา” อ้างข้อบังคับสกัดชงชื่อซ้ำ ขู่โหวตรอบ 2 มีเสนอชื่อเข้าชิง ขณะที่ รทสช.ลั่น ไม่ดัน 2 แคนดิเดตแข่ง ไม่หนุนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ด้านเพื่อไทยยัน 8 พรรคมัดแน่น ไร้แผนสอง

– จับตา “ศาลปกครองกลาง” นัดพิจารณาคดีครั้งแรก ปม รฟม.ปรับ หลักเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม “คีรี” ยันล้มประมูลใหม่เป็นทางออกที่ควรจะทำ พร้อมหวังรัฐบาลใหม่สางปมหนี้สายสีเขียว ขณะที่ สายสีชมพู เปิดนั่งฟรี ก.ย.นี้

– ตลท. เปิดแผนเรียกความเชื่อมั่น ดึงเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ในงานไทยแลนด์โฟกัส 3 ส.ค.นี้-ขยายฐาน นักลงทุนรุ่นใหม่ หลังมูลค่าซื้อขายหุ้นไทย วูบ 42% เหตุการเมืองในประเทศ ยังไม่ชัดเจน-กังวลบจ.ผิดนัดชำระหนี้คาดดัชนีครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก จากเงินเฟ้อลด-ดอกเบี้ยสหรัฐใกล้ จุดสูงสุดแล้ว

– กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเตรียมการรับมือการใช้มาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism หรือ CBAM) ของสหภาพยุโรป (อียู) ว่า กรมได้เชิญหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ ร่วมประชุมเพื่อแจ้งความคืบ หน้าพัฒนาการล่าสุดของมาตรการ CBAM ของอียู พร้อมทั้งหารือแนวทางการเตรียมความพร้อมของไทยในการรับมือมาตรการดังกล่าว ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยที่ประชุมเห็นว่า มาตรการ CBAM จะมีผลกระทบกับการส่งออกสินค้าของไทย

 

หุ้นเด่นวันนี้

– BBL (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเบื้องต้น 197 บาท ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ราว 1 หมื่นลบ. ทรงตัว q-q และ +44% y-y หนุนจาก NIM ที่คาดปรับตัวสูงขึ้นตามอัตราดอกเบี้ยนโยบายของกนง.ที่ปรับขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังปี 66 จาก 0.5% สู่ระดับ 2% ณ ปัจจุบัน ด้านคุณภาพสินทรัพย์คาดว่ายังแข็งแรงจากสัดส่วนฐานลูกค้า Corporate ที่สูง เราประเมินกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 3.8 หมื่นลบ. +29% y-y และ Valuation ยังถูกโดยปัจจุบันเทรด PBV เพียง 0.5 เท่า

– ORI (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 11.00 บาท แนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังปี 66 มีโอกาสโดดเด่น หลังช่วง ครึ่งปีแรกปี 66 ทำ Presale ไปกว่า 2.45 หมื่น ลบ. +38%YoY จากเป้าทั้งปี 2566 ที่ 4.5 หมื่น ลบ. ครึ่งหลังของปีเป็น High season ของอสังหาฯ ลุ้นผลงานทำได้ดีกว่าเป้า กำไรไตรมาส 3/66 มีโอกาสโต QoQ และจะมีการขาย Big lot โครงการ Park Origin จุฬา-สามย่าน ให้กับ บจ. บจ.เรียลเอสเตท อินทิเกรชั่น (ใช้ทำ Token) DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2566-2567 ที่ 3.87 พัน ลบ. และ 4.27 พัน ลบ. +2.5%YoY และ +10.5%YoY ตามลำดับ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top