หุ้นไทยปิดเช้าบวก 0.16 จุดรับแรงหนุนหุ้นงบ Q2 สวยแต่บาทอ่อนกดดัน Fund Flow ไหลออก

SET ปิดเช้าวันนี้ที่ 1,518.60 จุด เพิ่มขึ้น 0.16 จุด (+0.01%) มูลค่าซื้อขายราว 23,691.49 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาแกว่งไซด์เวย์ โดยมีแรงหนุนจากหุ้นงบฯไตรมาส 2/66 ออกมาดีหนุน และรอติดตามการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทยในการเปิดตัวพรรคร่วมรัฐบาล แต่มีแรงกดดันจากค่าบาทอ่อน ส่งผล Fund flow ไหลออก รวม Sentiment ลบจากภายนอก หลังมูดี้ส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือแบงก์สหรัฐ และตัวเลขส่งออก-นำเข้าจีนชะลอ แนวโน้มช่วงบ่ายคาดแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวต้าน 1,510 จุด แนวรับ 1,530 จุด

SET ปิดภาคเช้าวันนี้ที่ 1,518.60 จุด เพิ่มขึ้น 0.16 จุด (+0.01%) มูลค่าซื้อขายราว 23,691.49 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นภาคเช้าวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวทั้งแดนบวกและลบ ทำจุดสูงสุด 1,526.20 จุด และสูงสุด 1,514.38 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าแกว่งไซด์เวย์ โดยที่มีแรงหนุนจากหุ้นที่งบฯไตรมาส 2/66 ออกมาดีเข้ามาหนุน ประกอบกับการรอติดตามการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทยในการเปิดตัวพรรคร่วมรัฐบาลเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตามมีปัจจัยกดดันจากตลาดหุ้นไทย จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้อาจจะยังมีกระแสเงินทุนไหลออกกดดัน รวมถึง Sentiment ของตลาดหุ้นต่างประเทศหลังมูดี้ส์ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือในบางธนาคารของสหรัฐ รวมถึงปัจจัยของตัวเลขส่งออก-นำเข้าจีนเมื่อวานนี้ที่ชะลอตัว อาจมีผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยด้วยเช่นกัน ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ

แนวโน้มในช่วงบ่ายคาดกว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยที่ยังคงต้องติดตามปัจจัยการเมืองในประเทศว่าจะมีการรวมเสียงรัฐบาลเป็นอย่างไร และท่าทีของการสนับสนุนโหวตนายกรัฐมนตรี โดยให้แนวต้าน 1,510 จุด แนวรับ 1,530 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,728.08 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท

KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,169.34 ล้านบาท ปิดที่ 43.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,153.73 ล้านบาท ปิดที่ 107.50 บาท ลดลง 5.50 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,084.60 ล้านบาท ปิดที่ 58.75 บาท ลดลง 0.25 บาท

HANA มูลค่าการซื้อขาย 807.39 ล้านบาท ปิดที่ 47.75 บาท ลดลง 0.75 บาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ส.ค. 66)

Tags: , ,
Back to Top