หุ้นไทยปิดเช้าบวก 3.08 จุดแกว่งไซด์เวย์กรอบแคบ ชะลอลงทุนก่อนเข้าหยุดยาว

SET ปิดเช้าวันนี้ที่ 1,536.49 จุด เพิ่มขึ้น 3.08 จุด (+0.20%) มูลค่าซื้อขายราว 32,574 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าแกว่งไซด์เวย์กรอบแคบ ตอบรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาด แต่ Bond Yield ยังสูงกดดันอัพไซด์ตลาดหุ้น อีกทั้งยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ ในการเดินหน้ารวมเสียงโหวตและจัดตั้งรัฐบาล แนวโน้มช่วงบ่ายคาดแกว่งตัวในกรอบ พร้อมให้แนวต้าน 1,540 จุด แนวรับ 1,530 จุด

  • SET ปิดภาคเช้าวันนี้ที่ 1,536.49 จุด เพิ่มขึ้น 3.08 จุด (+0.20%) มูลค่าซื้อขายราว 32,574 ล้านบาท

  • การซื้อขายหุ้นภาคเช้าวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยทำจุดสูงสุด 1,537.96 จุด และสูงสุด 1,528.85 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบแคบ โดยที่ตอบรับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ก.ค. ที่ออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) ยังปรับขึ้น สะท้อนความกังวลทิศทางดอกเบี้ยที่จะสูงนาน ทำให้อัพไซด์ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นยังจำกัด

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยยังรอความชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศในการได้เสียงโหวต และคาดว่าจะจบได้ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงทิศทางของกระแสเงินทุนในระยะต่อไป และช่วงนี้ตลาดอาจมีความผันผวนในช่วงที่ทยอยประกาศงบฯไตรมาส 2/66 ออกมาในโค้งสุดท้าย ทำให้อาจจะมีทั้งแรงซื้อและแรงขายหุ้นสลับออกมา ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลง

แนวโน้มในช่วงบ่ายคาดว่าดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดในวันจันทร์หน้า ทำให้นักลงทุนอาจจะเริ่มชะลอการลงทุนบ้าง โดยให้แนวต้าน 1,540 จุด แนวรับ 1,530 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,558.76 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,570.70 ล้านบาท ปิดที่ 9.40 บาท ลดลง 0.20 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,401.37 ล้านบาท ปิดที่ 128.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 982.26 ล้านบาท ปิดที่ 166.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

PTT มูลค่าการซื้อขาย 979.14 ล้านบาท ปิดที่ 35.50 บาท ลดลง 0.25 บาท

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top