TIDLOR บวก 2.91%ตอบรับโมเมนตัมสินเชื่อ H2/66 โตต่อเนื่อง NPL คงอยู่ระดับต่ำ

TIDLOR ปรับขึ้น 2.91% หรือเพิ่มขึ้น 0.60 บาท มาที่ 21.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 587.08 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.49 น. จากราคาเปิด 20.80 บาท ราคาสูงสุด 21.20 บาท ราคาต่ำสุด 20.60 บาท

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) ไม่เร่งขยายสินเชื่อจนเกินไป

เนื่องจากสินเชื่อขยายตัว 5% QoQ และ 7% YTD ใน ไตรมาส 2/66 บริษัทจึงยังคงเป้าอัตราการขยายตัวของสินเชื่อปี 2566 เอาไว้เท่าเดิมที่ 10-20% ซึ่งหมายความว่าโมเมนตัมการเติบโของสินเชื่อในงวดครึ่งปีหลังปี 66 จะอยู่ในระดับปานกลาง สอดคล้องกับการที่ไม่มีการขยายสาขาเพิ่มในงวดครึ่งปีแรกปี 6 และไม่มีแผนจะเร่งขยายสาขาในงวดครึ่งปีหลังปี 66 ทั้งนี้ ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น แต่ไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนั้นมาร์จิ้น ในครึ่งปีหลังปี 66 จึงน่าจะลดลงประมาณ 20-30bps HoH

นอกจากนี้ มีสัญญาณดีขึ้นจากการที่รายได้ค่าธรรมเนียมโตเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ บริษัทสามารถเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมได้ประมาณ 28% YoY ซึ่งเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ที่ 20-25% ในขณะเดียวกัน การเร่งเพิ่มจำนวนพนักงานขายทางโทรศัพท์ หรือ telesales (จาก 600 คนใน 1Q66 เป็น 700 คนใน 2Q66) และการเร่งเพิ่มจำนวนตัวแทน (จาก 6700 คนใน 1Q66 เป็น 11,000 คนใน 2Q66) น่าจะช่วยหนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมแข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการเป็นนายหน้าประกันในงวด 2H66

เห็นสัญญาณบวกจากการที่คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น บริษัทสามารถรักษาสัดส่วน NPL ให้คงอยู่ในระดับต่ำได้ที่ 1.5% ใน 1H66 (เท่ากับในปี 2565) จากเป้าเต็มปีที่ <1.8% ในขณะเดียวกัน credit cost ทรงตัวอยู่ที่ 3.1% ในงวด 1H66 และสัดส่วน NPL coverage ยังอยู่ในระดับสูงที่ 260% ดังนั้น เราจึงมองว่า TIDLOR น่าจะสามารถลด credit cost ลงได้ใน 2H66 (TIDLOR ตั้งเป้าคชจ.สำรองฯ (credit cost) เต็มปีเอาไว้ที่ 3.3-3.5%)

เราเห็นสัญญาณว่าผลประกอบการของ TIDLOR น่าจะเริ่มทรงตัว เพราะบริหารจัดการ credit cost ได้มากขึ้น และ NPLs นิ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเรามองว่าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มจะยากลำบากมากขึ้น และมีความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลเพื่อคุมหนี้ครัวเรือนมากขึ้น ดังนั้น เราจึง de-rate PE ของกลุ่ม non-bank ลงจากสมมติฐานเดิมประมาณ 15% โดยเราขยับไปใช้ราคาเป้าหมายที่อิงจากประมาณการกำไรเฉลี่ยสองปี และ PE ใหม่ที่ 16.5x (ลดงงจากเดิมที่ 20x) ทำให้ได้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าใหม่ที่ 27 บาท (จากเดิมที่ 30.50 บาท) และยังคงคำแนะนำซื้อ

บล.แลนด์ & เฮ้าส์ ระบุว่า แม้กำไร 2Q66 ลดลง -3%QoQ /-6%YoY แต่ยังถือว่าทำได้ตามแผน ยังคงเป้าทั้งปีไว้ที่เดิมทุกอย่าง และเชื่อว่าทั้งปี 66 กำไรยังเติบโตจากปีก่อน +8% และทำนิวไฮต่อเนื่อง โดยราคาที่ปรับลงมาลึกเกินพื้นฐานที่ควรจะเป็น ถือเป็นโอกาสเข้าซื้อลงทุน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ส.ค. 66)

Tags: , , , , ,
Back to Top