หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ไร้ปัจจัยใหม่ จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทย

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ ไร้ปัจจัยใหม่ หลังรับรู้ปัจจัยต่างๆไปมาก และ Valuation เริ่มตึงตัว ส่วนวันนี้ติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือนส.ค. หากชะลอลง อาจส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ย ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหณ่เคลื่อนไหวแดนลบ พร้อมให้แนวต้าน 1,555 จุด แนวรับ 1,540 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ โดยที่ยังไร้ปัจจัยใหม่ หลังจากตลาดรับรู้ปัจจัยต่างๆไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา และยังรอติดตามปัจจัยอื่นๆ ประกอบกับดัชนีปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก ทำให้ Valuation เริ่มตึงตัว

ขณะที่ปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือนส.ค.ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร หากปรับตัวลดลง อาจเป็นการส่งสัญญาณการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมครั้งต่อไปจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เปิดมาส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนลบ

โดยให้แนวต้าน 1,555 จุด แนวรับ 1,540 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 4 ก.ย. เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 32,941.41 จุด เพิ่มขึ้น 2.23 จุด หรือ +0.01% แต่พลิกลบหลังเปิดตลาดได้ 15 นาทีที่การลดลง 1.91 จุด หรือ -0.01% สู่ระดับ 32,937.27 จุด ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,717.42 จุด ลดลง 126.74 จุด หรือ -0.67% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,169.74 จุด ลดลง 7.32 จุด หรือ -0.23%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (4 ก.ย.66) 1,548.68 จุด ลดลง 12.83 จุด (-0.82%) มูลค่าซื้อขาย 50,623.64 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 413.84 ล้านบาท เมื่อวันที่ 4 ก.ย.66

– ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 4 ก.ย. เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (4 ก.ย.) อยู่ที่ 9.46 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.36 อ่อนค่าสอดคล้องภูมิภาค จับตาตัวเลขเงินเฟ้อไทยวันนี้

– “เศรษฐา” ลั่นรัฐบาลเพื่อไทย เทหมดหน้าตัก รับข้อจำกัดด้านงบประมาณ คาดใช้ได้ต้นปีหน้า ยันดิจิทัลวอลเล็ตจ่าย 10,000 บาท ม้วนเดียวจบ ด้าน “พีระพันธุ์” รับลูกนายกฯ จ่อลดค่าไฟ-น้ำมัน ขณะที่ สำนักงบฯ พร้อมรับการใช้งบไปพลาง 1.8 ล้านล้านหลังจัดทำงบล่าช้า 8 เดือน วางเงื่อนไขห้ามไม่รับบุคลากรใหม่ เดินทางต่างประเทศต้องทำความตกลงกับสำนักงบฯ

– “แบงก์” แห่ออกเงินฝากทะลัก รับโค้งท้ายปี “ทีทีบี” ชี้ สถานการณ์แย่งเงินฝากเดือด ทั้งตลาดหุ้นกู้ ตลาดประกัน และสถาบันการเงิน รองรับการปล่อยสินเชื่อสะพัดปลายปี เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีปลายปี “ซีไอเอ็มบีไทย” เตรียมออกโปรดักต์เงินฝากออมทรัพย์เพิ่มเจาะลูกค้ารายย่อยบนดิจิทัล ให้ดอกเบี้ยสูง 2.88% เชื่อหนุนลูกค้าออมเงินเพิ่ม “ศูนย์วิจัยกสิกรไทย” ชี้ ช่วง 8เดือน ยอดออกแคมเปญเงินฝากของระบบแบงก์พุ่ง 147โปรดักต์ มีแคมเปญที่ครบกำหนด 66 แคมเปญ โดยมี แคมเปญเงินฝากออกใหม่มากกว่าครบกำหนด 81 แคมเปญ ทั้งหมดเป็นเงินฝากระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี

– สภาองค์กรผู้บริโภคแนะแนวทาง “เศรษฐา” ลดค่าพลังงานแบบยั่งยืนไม่โยนภาระให้ประชาชนแบกรับ ชี้ช่องใช้มติ กพช.เคาะกำหนดให้บริษัทปิโตรเคมีต้องใช้ราคา Pool Gas ชี้ 2 ปีเคลียร์หนี้ กฟผ.หมด ส่วนราคาน้ำมันจี้ให้คุมค่าการตลาด ราคาหน้าโรงกลั่นให้เหมาะสมไม่เอาเปรียบผู้บริโภค ขณะที่สภาองค์การนายจ้างแนะช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มลดภาระรัฐ ด้านผู้ประกอบการรถบรรทุกอยากเห็นดีเซล 28 บาทต่อลิตร

 

หุ้นเด่นวันนี้

– AAV (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 3.10 บาท มองบริษัทได้ประโยชน์หากรัฐบาลประกาศมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีน-อินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทมีสัดส่วนของนักท่องเที่ยวจีนมากกว่าคู่แข่ง อีกทั้งได้อานิสงส์มาตรการลดภาษีน้ำมันเครื่องบินท่ามกลางการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวและเที่ยวบิน

– PTTEP (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 164.00 บาท เลือกเก็งกำไรจากตลาดคาดหวังซาอุฯ ขยายเวลาลดปริมาณการผลิตแบบสมัครใน 1 ล้านบาร์เรลต่อวันไปอีก 1 เดือน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขการผลิตของจีนที่ฟื้นตัว และคาดหวังการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ส่วนแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/66 กำไรยังอยู่ในเกณฑ์ดีหนุนจากราคาน้ำมันและปริมาณขาย ช่วยชดเชยราคาก๊าซฯ ปรับตัวลดลงตามสัญญา PSC ในโครงการ G1/G2 และต้นทุนต่อหน่วยที่ขยับขึ้น

– CPF (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 22.30 บาท คาดหวังผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ระยะสั้นมี Sentiment บวกจากราคาเนื้อหมูในประเทศเพิ่มขึ้น และมีข่าวรัสเซียพร้อมเจรจาเปิดทางให้ขนส่งธัญพืชผ่านทางทะเลดำกดดันให้ราคาธัญพืชและอาหารสัตว์ลดลง

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ย. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top