หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าลุ้นฟื้นตัวระยะสั้น รับแรงหนุนครม.เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ ลุ้นฟื้นตัวระยะสั้น รับแรงหนุนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เตรียมแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในสัปดาห์หน้า ทำให้ตลาดคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเคลื่อนไหวผสมผสานทั้งในแดนบวกและลบ จากความกังวลต่อเงินเฟ้ออาจเร่งตัวขึ้น ให้แนวรับไว้ที่ 1,541-1,535 จุด และแนวต้าน 1,560-1,569 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ลุ้นฟื้นตัวระยะสั้น โดยมีปัจจัยหนุนมาจากในประเทศเป็นหลัก หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เตรียมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 11 ก.ย.นี้ ทำให้ตลาดคาดหวังต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มการบริโภคภายในประเทศปรับตัวขึ้น ส่วนนโยบายหลักของรัฐบาล เช่น การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท, การลดราคาพลังงาน ก็จะมีความชัดเจนขึ้น คาดว่าจะสามารถลดแรงกดดันต่อหุ้นที่ปรับตัวลงไปในช่วงก่อนหน้าได้

ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในด้านบวกและลบ ผสมผสานกัน จากความกังวลต่อเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวขึ้นในช่วงปลายปี จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

ให้แนวรับไว้ที่ 1,541-1,535 จุด และแนวต้าน 1,560-1,569 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (6 ก.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,443.19 จุด ลดลง 198.78 จุด หรือ -0.57%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,465.48 จุด ลดลง 31.35 จุด หรือ -0.70% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,872.47 จุด ลดลง 148.48 จุด หรือ -1.06%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 33,118.55 จุด ลดลง 122.47 จุด หรือ -0.37% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 18,437.48 จุด ลดลง 12.5 จุด หรือ -0.07% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,152.20 จุด ลดลง 5.88 จุด หรือ -0.19%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ก.ย.66) 1,548.78 จุด เพิ่มขึ้น 0.92 จุด (+0.06%) มูลค่าซื้อขาย 53,967.86 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 87.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ก.ย.) อยู่ที่ 9.95 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.58 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าสอดคล้องภูมิภาค จับตาตัวเลขเศรษฐกิจจีน-สหรัฐ
  • “จุลพันธ์” ชี้แจกเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้าน ช่วยเงินหมุนในระบบเศรษฐกิจสูงถึง 4 รอบ หรือ มากกว่า 2 ล้านล้าน ดัน “จีดีพี” ปี 67 โต 5% คาดเริ่มใช้ไตรมาสแรกปีหน้า ย้ำใช้เม็ดเงินจากงบประมาณ ส่วนจะนำเงินจากกองทุนวายุภักษ์หรือไม่ยังไร้ข้อสรุป ลั่นใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันใหม่ที่เป็นบล็อกเชน ยืนยันไม่ผ่านเป๋าตัง
  • “เฟทโก้” ดัชนีเชื่อมั่นลงทุน 3 เดือนข้างหน้าพุ่ง 63% หลังจัดตั้งรัฐบาลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้น-มีเสถียรภาพ เมื่อเริ่มเคลื่อนนโยบาย ดึงฟันด์โฟลด์ไหลเข้าโบรกแนะทยอยสะสมหุ้น ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นศก.
  • ตลท. เกาะติดประเด็นร้อน กรณี “ซิก้า อินโนเวชั่น” ปล่อยวงเงินกู้ 104 ล้านบาท ให้ “เฮียฮ้อ” เจ้าของอาณาจักร “อาร์เอส” ชี้หากมีข้อสงสัยต้องเปิดเผย ข้อมูลเพิ่ม ด้าน ผู้บริหาร ซิก้า ลั่นความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนสูง พร้อมยึดผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้น ขณะวงการหุ้นเชื่อ เฮียฮ้อ เงินขาดมือหลังทุ่มลงทุนหนัก
  • บิ๊กคอร์ปอสังหาฯ รับอานิสงส์รัฐบาลใหม่ ส่งสัญญาณการเมืองเริ่มนิ่ง ชิงโอกาสเดินหน้าเปิดโครงการใหม่ “แลนด์แอนด์เฮ้าส์-แสนสิริ-เอพี-โนเบิล” เร่งสปีดผุดคอนโดหรูทำเลทองใจกลางเมือง ริมน้ำ รับดีมานด์เศรษฐีไทย-ต่างชาติ “จีน-รัสเซีย-เมียนมา” แห่ย้ายถิ่นฐานปักหลักเมืองไทย

หุ้นเด่นวันนี้

  • SPRC (กรุงศรี) แนะนำ ซื้อ เป้า IAA Consensus 10.70 บาท) คาดงบไตรมาส 3/66 พลิกมีกำไรจากที่ขาดทุนสุทธิ 2,100 ล้านบาทในไตรมาส 2/66 โดยมีปัจจัยหนุนจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและมีกำไรจาก Stock gain ตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรง
  • BBL (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 197 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/66 เติบโตแกร่งทั้ง q-q และ y-y จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ยังอยู่ในระดับสูงอย่างมีเสถียรถภาพ และสินเชื่อที่คาดเร่งตัวขึ้น โดยบริษัทยังคงเป้าการเติบโตปีนี้ที่ 4-6% y-y (+0.6% 1H66) นอกจากนี้คาดว่ายังได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศระยะยาว คาดกำไรปี 66-67 +29% y-y และ +8% y-y หากกนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในการประชุมปลายเดือน ก.ย. นี้จะเป็นอีก Sentiment บวก
  • BH (ดาโอ) แนะนำซื้อ เป้าเชิงกลยุทธ์ 264 บาท เหตุผลที่สนใจ BH มาจากราคาหุ้นที่มีการพักตัวมาระยะหนึ่ง แต่รูปทรงราคายังดี และผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้หุ้นยังมีความน่าสนใจ มีการขยายกำลังการรับผู้ป่วยเพิ่ม ทั้งเพิ่มเตียงในห้อง ICU และโครงการที่จะทำรายได้ในปีต่อๆไป อาทิ โครงการตึก Annex (ศูนย์สตรีและเด็ก) และ โครงการรพ. ภูเก็ต (BIH Phuket)
  • ความสามารถในการทำกำไร เพิ่มขึ้นตามกำไร ทั้งนี้ Net Profit Margin ที่ขยับจาก 21% เป็น 28% (เทียบช่วง 6 เดือนแรก กับปีก่อน) การเติบโตในครึ่งปีหลังนี้ที่มีแนวโน้มการเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเข้าสู่ช่วง high season จากฤดูฝน และความต้องการของลูกค้าต่างชาติที่จะเดินทางมารักษาที่ BH ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะคนไข้จีน และตะวันออกกลาง DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 66-67 ที่ 7.3 พัน ล้านบาท และ 7.7 พันล้านบาท +48%YoY และ +6%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top