ดาวโจนส์ปิดลบ 17.73 จุด,Nasdaq ร่วงกว่า 1% ผิดหวังผลประกอบการออราเคิล

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (12 ก.ย.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงกว่า 1% หลังจากบริษัทออราเคิล ซึ่งเป็นผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันยังทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนส.ค.ในสัปดาห์นี้

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,645.99 จุด ลดลง 17.73 จุด หรือ -0.05%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,461.90 จุด ลดลง 25.56 จุด หรือ -0.57% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,773.61 จุด ลดลง 144.28 จุด หรือ -1.04%

หุ้นออราเคิล ร่วงลง 13.5% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในเดือนมิ.ย.-ส.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ของปีงบการเงินบริษัท อยู่ที่ระดับ 1.245 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.247 หมื่นล้านดอลลาร์ และยังได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 2 ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ผลประกอบการที่อ่อนแอของออราเคิล รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ ได้ฉุดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่ให้บริการคลาวด์รายอื่น ๆ ร่วงลงด้วย โดยหุ้นอะเมซอน และหุ้นไมโครซอฟท์ ต่างก็ร่วงลงกว่า 1%

หุ้นแอปเปิ้ล ดิ่งลง 1.8% หลังจากบริษัทประกาศเปิดตัว iPhone 15 Series จำนวน 4 รุ่นในงานอีเวนต์ “Wonderlust” ตามคาด แต่ไม่มีการปรับขึ้นราคา แม้บริษัทกำลังเผชิญกับภาวะชะลอตัวของตลาดสมาร์ตโฟนทั่วโลก นอกจากนี้ ราคาหุ้นแอปเปิ้ลยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ส์ของจีนได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการจัดส่งสมาร์ตโฟน Mate 60 Series ขึ้น 20% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

หุ้นเวสต์ร๊อค (WestRock) ซึ่งเป็นบริษัทบรรจุภัณฑ์ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากเวสต์ร๊อคบรรลุข้อตกลงควบรวมกิจการกับบริษัทสเมอร์ฟิต คัปปา (Smurfit Kappa) ซึ่งเป็นบริษัทบรรจุภัณฑ์ของเนเธอร์แลนด์ เพื่อจัดตั้งบริษัทบรรจุภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ภายใต้ชื่อ สเมอร์ฟิต เวสต์ร๊อค (Smurfit WestRock) ซึ่งมีมูลค่าเกือบ 2 หมื่นล้านดอลลาร์

โธมัส ฮาเยส นักวิเคราะห์จากบริษัท Great Hill Capital LLC กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ตลาดวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น ขณะที่นักลงทุนบางส่วนกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนพ.ย.

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 93% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย. แต่ให้น้ำหนักเพียง 56% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ย.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐในวันนี้ (13 ก.ย.) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.ในวันพรุ่งนี้ (14 ก.ย.) โดยการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวมีขึ้นก่อนที่เฟดจะประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 19-20 ก.ย.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.6% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนก.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 4.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนก.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top