ดัชนีเชื่อมั่นหอการค้าส.ค.เพิ่มขึ้นทุกภูมิภาค หลังการเมืองชัดเจน-ท่องเที่ยวฟื้น

นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC-CI) เดือนส.ค. 66 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของภาคธุรกิจ และหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25-31 ส.ค. 66 โดยดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 56.0 เพิ่มขึ้นจากระดับ 55.6 ในเดือนก.ค. 66

โดยดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยในแต่ละภูมิภาค เป็นดังนี้

– กรุงเทพฯ และปริมณฑล ดัชนีฯ อยู่ที่ 55.3 เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 54.8

– ภาคกลาง ดัชนีฯ อยู่ที่ 56.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 56.1

– ภาคตะวันออก ดัชนีฯ อยู่ที่ 58.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 58.2

– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 55.1 เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 54.8

– ภาคเหนือ ดัชนีฯ อยู่ที่ 55.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 55.4

– ภาคใต้ ดัชนีฯ อยู่ที่ 55.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 54.2

ปัจจัยบวก ได้แก่

1. สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มมีความชัดเจนขึ้น หลังจากได้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย ซึ่งหนุนความเชื่อมั่นของประเทศเป็นสำคัญ

2. นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น หลังจากเปิดประเทศ ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศเพิ่มขึ้น และช่วงนี้ไทยกำลังเข้าสู่ไฮซีซั่น

3. ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและบริการ มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น สามารถขยายการงทุนและมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว

4. ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศอยู่ในระดับที่ทรงตัว

5. ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อย สะท้อนว่ามีเงินไหลเข้าสุทธิ

6. ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น และกำลังซื้อในต่างจังหวัดปรับตัวดีขึ้น

ปัจจัยลบ ได้แก่

1. ความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพการเมือง

2. สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ เผยเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ขยายตัวได้ 1.8% ชะลอจากไตรมาสแรก ที่ขยายตัว 2.6%

3. ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว ทำให้เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ามีความไม่แน่นอน

4. เศรษฐกิจจีนเผชิญกับความท้าทาย ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมการการลงทุนเติบโตช้า กระทบการท่องเที่ยวและการส่งออกของไทย

5. นักท่องเที่ยวจีนชะลอตัวลง จากข่าวสารเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวในอาเซียน

6. ราคาพลังงาน และเชื้อเพลิงในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อต้นทุนการผลิต

7. ความกังวลต่อสถานการณ์เอลนีโญ และภัยแล้ว ที่จะกระทบต่อการใช้น้ำในภาคเกษตร

8. การส่งออกไทยเดือนก.ค.66 ลดลง 6.2%

9. ความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น

10. ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอลในประเทศ ปรับตัวเพิ่มขึ้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า หากพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยของแต่ละภาค จะพบว่า ในด้านการท่องเที่ยวภาคตะวันออก และภาคใต้ ดีขึ้นเกินระดับ 50 รวมทั้งดัชนีของกรุงเทพฯ ปริมณฑล, ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็มีระดับใกล้เคียง 50 ซึ่งเป็นผลจากที่นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมามากขึ้น แม้นักท่องเที่ยวจากจีนจะยังกลับมาไม่เต็มที่ แต่เชื่อว่ามาตรการวีซ่าฟรีที่กำลังจะเริ่มขึ้นนี้ จะมีผลให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยมากขึ้น ส่งผลดีต่อการจ้างงานในภาคบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทำให้แรงงานมีเงินเพื่อการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

ขณะที่ภาคธุรกิจมองว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้น หลังจากมีรัฐบาลใหม่ และมีการออกมาตรการเศรษฐกิจในด้านต่างๆ จากภาครัฐ ส่วนภาคเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดี คือ ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผลจากบรรยากาศของเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวได้ราวไตรมาส 2/67 จึงส่งผลให้ภาคการส่งออกของไทยในขณะนี้ยังไม่โดดเด่นมาก

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจเสนอแนวทางดำเนินการในการแก้ไขปัญหา ดังนี้

1. ความชัดเจนของสถานการณ์การเมืองในการดำเนินงานตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้ เพื่อฟื้นฟูดูแลเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศ

2. การส่งเสริมการลงทุนที่สนับสนุนการลงทุนสามารถสร้างโอกาสใหม่ และเปิดโอกาสในการสร้างงาน และการเพิ่มอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

3. การบริหารจัดการทรัพยากรให้เพียงพอต่อความต้องการ ในสถานการณ์ที่สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

4. การดูแลราคาน้ำมันและพลังงานในประเทศ เนื่องจากเป็นต้นทุนในการดำเนินกิจกรรมหลายอย่างที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจและใช้ชีวิต

5. การดูแลเรื่องต้นทุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเรื่องอัตราดอกเบี้ย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ย. 66)

Tags: , , ,
Back to Top