เงินบาทเปิด 35.69 แนวโน้มแข็งค่า จับตาผลประชุม FED-BoE-BOJ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 35.69 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดสัปดาห์ก่อน ที่ระดับ 35.82 บาท/ดอลลาร์

โดยตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในกรอบ 35.66-35.84 บาท/ดอลลาร์) โดยมีจังหวะ แข็งค่าขึ้น ตามการย่อตัวลงของเงินดอลลาร์ (โดยรวมเงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway) และโฟลว์ขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทอง คำรีบาวด์ขึ้นทดสอบโซนแนวต้าน

สัปดาห์นี้ มองว่าควรจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ ดัชนี PMI ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก และรอลุ้น ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก เช่น ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งจะมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ Dot Plot ใหม่ของเฟด

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท มีโอกาสลุ้นทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากตลาดกลับมาเชื่อว่าเฟดได้จบรอบการขึ้น ดอกเบี้ยแล้ว

อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงอยู่ โดยเฉพาะฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังคงผันผวนและไม่แน่นอน อีกทั้ง หากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่องก็อาจยังเป็นปัจจัยกดดันเงินบาท จากความกังวลแนวโน้มดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัด

นายพูน คาดว่า กรอบเงินบาทวันนี้ จะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 35.60-35.80 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 147.75 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 147.82 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0662 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.0664 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 35.774 บาท/ดอลลาร์

– รมช.คลัง เปิดเผยถึงนโยบายการพักหนี้เกษตรกรและธุรกิจเอสเอ็มอี ว่า เบื้องต้นได้ประเมินว่าจะมีเกษตรกรและเอส เอ็มอีที่อยู่ในข่ายได้รับการพักชำระหนี้จากนโยบายของรัฐบาลไม่เกิน 7 ล้านราย แบ่งเป็น เอสเอ็มอี ประมาณ 3 ล้านราย และ เกษตรกร ประมาณ 4 ล้านราย อย่างไรก็ดี ในส่วนของเกษตรกรได้เน้นไปยังกลุ่มรายย่อยเป็นหลัก แต่อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า จะ กำหนดวงเงินการพักหนี้ที่เท่าใด โดยต้องคำนึงถึงงบประมาณที่มาชดเชยให้แก่โครงการนี้ด้วย

– ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาทองคำในระยะ ยาวมีโอกาสปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ไทยจะมีการบริโภคทองคำเฉลี่ย 100 ตันต่อปี ซึ่งใกล้ระดับที่เคย สูงสุดที่ 153.8 ตันต่อปีในปี 56 จากปัจจุบันที่อยู่ระดับเฉลี่ย 63 ตันต่อปี สูงเป็นอันดับ 3 ของเอเชีย เป็นรองแค่ จีน และ อินเดีย และ เป็นอันดับ 7 ของโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนไทยหันมาซื้อขายทองคำผ่านระบบออนไลน์เพื่อลงทุนมากขึ้น เพราะเข้าถึงง่ายในราคาเรียล ไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ตลาดทองคำในประเทศยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง

– ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่ายอดขาย ค้าปลีกปี 2567 จะขยายตัวมากน้อยเพียงใด ยังต้องรอติดตามรายละเอียดของ มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งผลบวกของมาตรการโดยเฉพาะเงินดิจิทัล ต่อร้านค้าปลีก นอกจากจะขึ้นอยู่กับพฤติกรรม การใช้เงินของผู้บริโภคแต่ละรายที่แตกต่างกันแล้ว ยังขึ้นอยู่กับการกำหนดเงื่อนไขพื้นที่และประเภทร้านค้าปลีกด้วย – นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์หน้า ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาการเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟด (dot plot) รวมทั้งตัวเลขคาดการณ์เงิน เฟ้อ การว่างงาน และการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

– นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 1 พ.ย. พร้อมกับคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ในการประชุมวันที่ 19-20 ก.ย.นี้

– นักวิเคราะห์ของสถาบันการเงินรายอื่น ๆ เช่นเจพีมอร์แกน แอสเซท แมเนจเมนท์ และจานัส เฮนเดอร์สัน อินเวส เตอร์ส คาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกหลายครั้งในช่วง ที่ผ่านมา

– ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลข การเริ่มสร้างบ้านเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส. ค.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.เอสแอนด์พี โกลบอล และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัด ซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.เอสแอนด์พี โกลบอล

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ย. 66)

Tags: ,
Back to Top