หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งลงรับบอนด์ยีลด์พุ่ง แต่น้ำมันขึ้นหนุนกลุ่มพลังงานช่วยพยุง

นักวิเคราะห์ฯ ระบุว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ดาวน์ หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปี ทะลุระดับ 4.9% เป็นผลจากประธานเฟด สาขานิวยอร์กให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยจะสูงขึ้นและคงระดับสูงนานขึ้น เพื่อกดเงินเฟ้อให้อยู่ระดับ 2% รวมทั้งนักลงทุนกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังดูตึงเครียด ทั้งนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจปรับตัวลง แต่ไม่รุนแรงเท่าภูมิภาค เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นส่งผลให้กลุ่มพลังงานพยุงตลาด อาจทำให้หุ้นไทยเคลื่อนไหวทิศทางดีกว่าภูมิภาค ให้กรอบแนวรับแรกที่ 1,430 จุด แต่หากตลาดปรับตัวลงหนักให้แนวรับถัดไปที่ 1,415 – 1,420 จุด และแนวต้าน 1,445 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ดาวน์ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปี ทะลุระดับ 4.9% ซึ่งเป็นผลจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยจะสูงขึ้นและคงระดับสูงนานขึ้น เพื่อที่จะกดให้เงินเฟ้อลงสู่เป้าหมายอยู่ที่ 2% รวมทั้งนักลงทุนกังวลสถานการณ์ความไม่แน่นอนในตะวันออกกลางที่ยังดูตึงเครียด ส่งผลให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง และเข้าสู่การลงทุนในราคาทองคำที่อาจจะเป็นหลุมหลบภัย

ทั้งนี้คาดว่าดัชนี SET อาจปรับตัวลง แต่ไม่ได้รุนแรงเท่ากับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ลงมากกว่า 1% เนื่องจากเมื่อคืนราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นประมาณ 2% อาจจะทำให้กลุ่มพลังงานเข้ามาพยุงตลาด อาจทำให้หุ้นไทยเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค และต้องติดตามการประกาศงบไตรมาส 3/66 ของกลุ่มธนาคารที่จะเปิดเผยในวันนี้ อาทิ BBL KTB

ให้กรอบแนวรับแรกที่ 1,430 จุด แต่หากตลาดปรับตัวลงหนักให้แนวรับถัดไปที่ 1,415 – 1,420 จุด และแนวต้าน 1,445 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,665.08 จุด ลดลง 332.57 จุด หรือ -0.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,314.60 จุด ลดลง 58.60 จุด หรือ -1.34% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,314.30 จุด ลดลง 219.44 จุด หรือ -1.62%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 31,579.54 จุด ลดลง 462.71 จุด หรือ -1.44%, ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,540.46 จุด ลดลง 192.06 จุด หรือ -1.08% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,043.20 จุด ลดลง 15.51 จุด หรือ -0.50%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ต.ค.66) 1,437.85 จุด เพิ่มขึ้น 4.45 จุด (+0.31%) มูลค่าซื้อขาย 52,877.54 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,734.95 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ต.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.(18 ต.ค.) ปิดที่ เพิ่มขึ้น 1.66 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 88.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ต.ค.) อยู่ที่ 2.56 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.40 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งหนุนดอลลาร์แข็งค่า

– รัฐบาล” เร่งสรุปงบโครงการเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้าน ยืมเงินรัฐวิสาหกิจก่อน 2.6 แสนล้าน พร้อมรีดภาษีเงินได้นิติบุคคล-แวต อีก 1 แสนล้าน เล็งปรับลด-โยกงบปี 66-67 อีก 2 แสนล้าน คาดดันจีดีพี 0.8-1.3% ห่วงล่าช้าเหลือ 0.60-0.98% จับตา 7 ‘ไอซีโอ พอร์ทัลลุ้นรับอานิสงส์ ดิจิทัล วอลเล็ต

– “เศรษฐา” กล่าวถ้อยแถลงเวที one belt one road ที่จีน ดันโครงการแลนด์บริดจ์ภาคใต้ เป็นส่วนสำคัญเชื่อมโยงจีน ชูลดต้นทุน-เวลา ขนส่งไม่ต้องอ้อมช่องแคบมะละกา หารือผู้บริหาร CEO บริษัท CHEC เชิญชวนร่วมลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ตั้ง Regional Office ในไทย เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในภูมิภาคร่วมกันนายกฯ หารือ ผู้บริหาร CEO บริษัท Geely ขอบคุณที่เชื่อมั่นในศักยภาพพิจารณาลงทุนในไทย เชื่อว่าไทยมีนโยบายสนับสนุนที่เหมาะสมกับการลงทุนของบริษัท

– “พีระพันธุ์” เร่งเสนอ ครม. ใน 31 ต.ค.นี้ เคาะลด “แก๊สโซฮอล์ 91” ลง 2.50 บาท รวม 3 เดือน คาดใช้เงินไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท เล็งหารือคลังลดภาษีเบนซิน พร้อมดัน พ.ร.บ.น้ำมันถูกเพื่อเกษตรกร เข้าสภาฯ ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมทบทวนน้ำมันยูโร 5 ไม่ให้เป็นภาระประชาชน

– นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ว่า ได้ติดตามแผนผลักดันการส่งออกที่เป็นแผนเร่งด่วน (ควิก วิน) ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ จะมีการจัดกิจกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวม 73 กิจกรรม โดยคาดว่าเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้กว่า 12,400 ล้านบาท เพื่อผลักดันมูลค่าการส่งออกของไทยและทำให้การส่งออกภาพรวมของไทยในปีนี้ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก สามารถขยายตัวเป็นบวกได้มากที่สุด

 

หุ้นเด่นวันนี้

– BDMS (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 37 บาท คาดกำไรจากการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้น ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาส 3/66 โดยมีกำไรประมาณ 3,648 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.1%qoq และ 7.8%yoy และมีโอกาสทำ New high ได้อีกในไตรมาส 4/66 จากผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะจากตะวันออกกลาง

– BCP (อินโนเวสท์เอกซ์) คาดกำไรไตรมาส 3/66 เติบโต YoY และ QoQ แรงหนุนจากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นและกำไรสินค้าคงคลัง ขณะที่ valuation ยังไม่แพง โดยมี PER 66F ระดับ 5.3 เท่า และ PBV 0.7 เท่า (-1SD) อีกทั้งคาด Div. Yield ปี 66 น่าสนใจในระดับ 5.7% และจะเพิ่มขึ้นสู่ 8% ในปี 67

– ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 250.50 บาท ตลาดคาดกำไรไตรมาส 3/66 ที่ 7.4 พันล้านบาท 3% q-q, +18% y-y หนุนจากการแข่งขันในภาพรวมที่ปรับตัวลดลงเทียบกับในอดีต ส่งผลให้ ARPU คาดยังทยอยขยับขึ้นและเป็นบวกต่อ Margin โดย Consensus คาดกำไรปี 2566 ที่ 2.81 หมื่นลบ. +10% y-y และโตต่อเนื่องแตะ 3.04 หมื่นลบ. +8% y-y ธุรกิจกระทบจำกัดจากดอกเบี้ยสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ส่วนความชัดเจนดีลควบรวม 3BB ที่จะมีความชัดเจนจากกสทช.เดือนนี้จะช่วยปลดล็อคปัจจัย Overhang

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ต.ค. 66)

Tags: , , , ,
Back to Top