หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ บอนด์ยีลด์ชะลอแม้ GDP สหรัฐดีเกินคาด-สงครามตอ.กลางผ่อนคลาย

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้รีบาวด์ตามภูมิภาค หลังร่วงแรง พร้อมตอบรับตัวเลข GDP สหรัฐ ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ขณะที่บอนด์ยีลด์ชะลอตัวลง อีกทั้งนักลงทุนคลายกังวลต่อสงครามในตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลชะลอการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา ให้แนวรับไว้ที่ 1,370-1,360 จุด และแนวต้าน 1,383 จุด

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังวานนี้ปรับตัวลงแรง และตอบรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 ครั้งที่ 1 ของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด แต่ในทางกลับกันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม แต่เป็นภาพของการชะลอตัวลง เนื่องจากปรับตัวขึ้นไปแล้วในช่วงก่อนหน้า ทำให้วันนี้ตลาดหุ้นในเอเชียรีบาวด์ได้

อีกทั้งนักลงทุนเริ่มผ่อนคลายความกังวลต่อสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส หลังมีรายงานว่าอิสราเอลจะชะลอการโจมตีภาคพื้นดินในฉนวนกาซา

ให้แนวรับไว้ที่ 1,370-1,360 จุด และแนวต้าน 1,383 จุด

 

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (26 ต.ค.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,784.30 จุด ลดลง 251.63 จุด หรือ -0.76%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,137.23 จุด ลดลง 49.54 จุด หรือ -1.18% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,595.61 จุด ลดลง 225.62 จุด หรือ -1.76%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดภาคเช้าที่ระดับ 30,713.79 จุด เพิ่มขึ้น 112.01 จุด หรือ +0.37% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,160.23 จุด เพิ่มขึ้น 115.62 จุด หรือ +0.68% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,978.40 จุด ลดลง 9.90 จุด หรือ -0.33%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ต.ค.66) 1,371.22 จุด ลดลง 30.48 จุด (-2.17%) มูลค่าซื้อขาย 45,690.17 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,561.83 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ต.ค.66

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.(26 ต.ค.) ลดลง 2.18 ดอลลาร์ หรือ 2.55% ปิดที่ 83.21 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ต.ค.) อยู่ที่ 2.57 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.21 แข็งค่าเล็กน้อย รับดอลลาร์อ่อนค่าหลังบอนด์ยีลด์ชะลอ จับตา Flow

– ตลาดหุ้นทั่วเอเชียร่วงระนาว ผวาสงครามลาม บอนด์ยีลด์พุ่ง ด้าน “หุ้นไทย” ดิ่งกว่า 2.17% “ภากร” ชี้เป็นไปตามภูมิภาค พร้อมระบุฟันด์โฟลว์ที่ไหลออกส่วนใหญ่เป็นเงินทุนระยะสั้น ย้ำไม่พบแรงขายชอร์ตที่ผิดปกติ ด้าน “โบรกเกอร์” ประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวกระจุก ภาพรวมดัชนียังไม่ไปไหน

– บริษัทอีวีท็อป 10 จีนแห่ลงทุนไทย ตั้งฐานการผลิตจำหน่ายในประเทศและส่งออก ล่าสุด “ฉางอาน” แบรนด์จีนรายล่าสุด ซื้อที่ดินนิคมฯ ดับบลิวเอชเอ 250 ไร่ ตั้งฐานการผลิต EV กำลังผลิต 1 แสนคันต่อปี เผยลงทุนเฟสแรก 8,862 ล้านบาท “เศรษฐา” นัดหารือบอร์ด ยานยนต์ไฟฟ้า 1 พ.ย.นี้ ดันมาตรการ EV 3.5 ทดแทนมาตรการปัจจุบันที่จะหมดอายุสิ้นปีนี้ หวังเพิ่มความเชื่อมั่นลงทุนในไทย

– ตลาดหลักทรัพย์ เล็งเพิ่มเวลาเทรดหุ้น เริ่มจากช่วงบ่ายก่อนโดยเปิดเร็วขึ้นครึ่งชั่วโมง ก่อนขยายเวลาเพิ่มในช่วงเช้าอีกครึ่งชั่วโมงระยะถัดไป ขณะที่ผลศึกษาพบตลาดหุ้นไทยมีชั่วโมงการเทรดน้อยกว่าตลาดอื่นอื้อ ด้าน “ก้องเกียรติ” ชี้โบรกเกอร์พร้อมปรับระบบรองรับ “เสี่ยป๋อง” มองช่วยเพิ่มวอลุ่มซื้อขายได้

– นายกฯ เผยรับทราบ 3 ข้อเสนอคณะอนุฯ ขับเคลื่อน “หมื่นดิจิทัล” แล้ว ขอหารือเลขาธิการสภาพัฒน์ ยังไม่สรุปลดกลุ่มเป้าหมาย รอเปิดเผยทีเดียว “จุลพันธ์” แย้มตัดเงินเดือน 5 หมื่นบ. ลั่นโครงการเกิดแน่ 100% “ศิริกัญญา” เชื่อถึงทางตัน แนะทบทวนใหม่ ป.ป.ช. ตั้ง “สุภา ปิยะจิตติ” นั่งประธานศึกษาฯ เติมเงินดิจิทัล

– กกพ.เผยแนวโน้มค่าไฟฟ้างวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย.67) ส่อแววขยับขึ้นกลับมาเฉลี่ยทะลุ 4 บ./หน่วย รับราคา LNG และก๊าซฯ เอราวัณ มีผลกระทบหลัก ลุ้นรัฐบาลอุ้ม “ก.อุตฯ” เตรียมชงขอขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้า รง. 4 บาท/กก.

 

*หุ้นเด่นวันนี้

– CK (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า BB Consensus 26.60 บาท พื้นฐานแกร่งมีงานในมือ (Backlog) สูงกว่า 1.4 แสนล้านบาทรองรับการเติบโตของรายได้อย่างน้อย 7 ปี ขณะที่วันนี้มี Sentiment บวกนายกฯ สั่งเร่งโครงการ Landbridge 1.2 ล้านล้านบาทเริ่มเฟสแรก 5.2 แสนล้านบาท

– ORI (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 15.1 บาท ซื้อเก็งกำไรผลประกอบการในกลุ่ม Value stock ที่ยังมีการจ่ายเงินปันผลที่ดีราว 7-8% โดยคาดว่ายอดขายของบริษัทจะทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 3/2566 ที่ 1.24 หมื่นลบ. และยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 ของ ORI ที่เติบโต 25.6% YoY เป็น 3.69 หมื่นลบ. ยังคิดเป็น 82% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี

– CPN (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 จะยังเห็นการเติบโตที่แข็งแกร่ง Y-Y หลังทุกธุรกิจกลับมาปกติตั้งแต่ไตรมาส 1/66 บริษัทยังมีแผนขยายศูนย์การค้า ออฟฟิศ โรงแรมและอสังหาภายใน 5 ปี (2023-27) ด้วยเงินลงทุน 1.35 แสนล้านบาท และตั้งเป้ารายได้โตเฉลี่ย +8% CAGR สำหรับปี 2566-2567 เราคาดกำไรทำ new high ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท +18%Y-Y และ 1.4 หมื่นล้านบาท +9%Y-Y ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 66)

Tags: , , ,
Back to Top