หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์รอปัจจัยใหม่ กังวลเฟดมีโอกาสขึ้นดอกเบี้ย-ราคาน้ำมันกดดัน

นักวิเคราะห์ฯ คาดหลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์รอปัจจัยใหม่ แต่นักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุนหลังเฟดยังมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับยังมีแรงกดดันราคาน้ำมันปรับตัวลงหลังกลุ่ม OPEC+ เลื่อนประชุมนโยบายการผลิตน้ำมัน พร้อมให้แนวต้าน 1,425 จุด แนวรับ 1,405 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยยังคงรอปัจจัยหนุนใหม่เข้ามา หลังจากกลับมากังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ ทำให้นักลงทุนกลับมาระมัดระวังการลงทุน ส่งผลต่อทิศทางของตลาดหุ้นที่ยังอาจจะแกว่งตัวในกรอบ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ที่เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ที่เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน นอกจากนี้อาจจะยังมีปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้นไทยในกลุ่มหุ้นพลังงานที่ราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร (OPEC+)เลื่อนการประชุมนโยบายการผลิตน้ำมันออกไป และยังต้องต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆทั้งในและต่างประเทศที่ทยอยประกาศออกมา ซึ่งจะมีผลต่อ Sentiment ของตลาดหุ้น

โดยให้แนวต้านที่ 1,425 จุด แนวรับ ที่ 1,405 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 พ.ย.66) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,273.03 จุด เพิ่มขึ้น 184.74 จุด หรือ +0.53%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,556.62 จุด เพิ่มขึ้น 18.43 จุด หรือ +0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,265.86 จุด เพิ่มขึ้น 65.88 จุด หรือ +0.46%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,680.05 จุด ลดลง 54.55 จุด หรือ -0.31% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,041.68 จุด ลดลง 1.93 จุด หรือ -0.06% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (23 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณแรงงาน

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ย.66) ที่ 1,414.15 จุด ลดลง 9.46 จุด (-0.66%) มูลค่าการซื้อขาย 34,627.29ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,446.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ย.66.

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.(22 พ.ย.) ลดลง 67 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 77.10 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ย.66) อยู่ที่ 5.70 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.22 คาดธุรกรรมเบาบาง แนวโน้มแกว่งในกรอบ 35.10-35.40 จับตาทิศทาง Flow

– “เศรษฐา” ยอมรับสายการบินจีนขอยกเลิกตารางบินเข้าไทย หลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนไม่เข้าเป้า ชี้เพราะนโยบายภายในประเทศและเศรษฐกิจจีนไม่ดี ถ้าไม่มีนโยบายวีซ่า-ฟรีจะแย่กว่านี้ ขณะที่ “ยุทธศักดิ์” อดีตผู้ว่าการ ททท.เสนอกลยุทธ์ 3R ฟื้นตลาดจีนเที่ยวไทย ให้เจรจาจีนอนุญาตเพิ่มเที่ยวบินให้สายการบินสัญชาติไทย

– กลุ่ม ปตท.มองราคา น้ำมันดิบปีหน้า 75-85 ดอลลาร์ จับตานโยบายควบคุมกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกพลัส มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน การดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของตะวันตก เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ รวมทั้งการแสวงหาโอกาสและแนวทางปรับตัวของกลุ่มบริษัทพลังงานยุค Energy Transition

– “บลจ.กรุงไทย-บัวหลวง” จ่อจดทะเบียนตั้งกองทุน “ไทยอีเอสจี” มูลค่า 5 พันล้าน-หมื่นล้าน “ชวินดา” เร่งจัดตั้ง เร็วที่สุด มองเป็นโอกาสดี “ออมเงิน-หนุนอีเอสจี-ประหยัดภาษี” ด้าน “พีรพงศ์” ตั้งเป้ายอดขายช่วงไอพีโอเดือน ธ.ค.66 แตะ “พันล้าน” เป็นจังหวะดีการลงทุนได้ราคาเหมาะสม

*หุ้นเด่นวันนี้

– ADVANC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 262 บาท แนวโน้มกำไรอยู่ในทิศทางขาขึ้นการแข่งขันในธุรกิจลดลงทั้งกลุ่มธุรกิจมือถือและอินเตอร์เน็ตบ้านหนุนรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) เพิ่มขึ้น ขณะที่การเข้าซื้อ 3BB จะเพิ่ม Synergy ในระยะกลางยาวหลังจาก Market Share ธุรกิจเน็ตบ้านขึ้นเป็นอันดับ 1

– BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24.50 บาท แม้ปรับลดเป้าการเติบโตของรายได้ปี 67 ลงเป็น 1.2-1.3 หมื่นลบ.จากเดิม 1.27-1.3 หมื่นลบ. แต่ยังสะท้อนว่ารายได้-กำไร Q4/66 จะยังสูงกว่า Q3/66 จากจำนวนคนไข้ไทยและต่างชาติยังแข็งแกร่ง และรับกำไรรักษาโรค Chronic จากประกันสังคม อีกทั้งไม่มีขาดทุน รพ.KIH เวียงจันทน์ นอกจากนี้ คาคผู้ทำประกันสังคมจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.05 ล้านคน จาก 1.01 ล้านคนในปี 67 ขณะที่หน่วยงานประกันสังคมน่าจะเซ็น MOU เพื่อเบิกจ่ายสำหรับการรักษา 5 โรคร้ายแรงเพิ่มขึ้นจาก 12,000 บาท เป็น 15,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือนไปจนถึงมิ.ย.67

– MAJOR (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย BB Consensus 19.40 บาท แม้กำไรปกติ Q3/66 อ่อนตัวตามฤดูกาล ขณะที่ ก.ค.-ก.ย.66 ไม่มีภาพยนตร์ที่เป็นที่นิยมมากนักต่างจาก Q3/65 มี บุพเพสันนิวาส 2 แต่ Q4/66 จะเห็นการกลับมาของธุรกิจโรงภาพยนตร์ QTR สัปเหร่อ ทำรายได้จากการเข้าฉาย > 700 ลบ./ธี่หยด > 400 ลบ. ช่วงปลายปีหนังฟอร์มใหญ่หลายเรื่องรอฉาย เช่น Napoleon, Aquaman2 ขณะที่รายได้ค่าโฆษณา/ขายอาหารเครื่องดื่มโดยเฉพาะป็อปคอร์นคาดว่าจะขึ้นไปตามการเข้าโรงหนัง ตลาดคาดว่าปี 66 และ67 กำไร 795 ลบ. (+215%YoY) และ 909 ลบ.(+14%YoY)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 66)

Tags: , ,
Back to Top