หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งพักตัวไร้ปัจจัยใหม่หนุน เกาะติดประชุมดิจิทัลวอลเล็ต

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งพักตัว จากสภาพแวดล้อมที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ขับเคลื่อนอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่เมื่อวานที่ตลาดฝั่งสหรัฐปิดทำการไปทำให้ในแง่สินทรัพย์ต่าง ๆ ดูแล้วแกว่งออกด้านข้าง ทิศทางค่าเงินยังทรงตัว

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาให้มุมมองเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) ในมุมของทิศทางดอกเบี้ยที่ระดับ 2.5% ยังน่าจะเป็นระดับที่เหมาะสม เพื่อที่จะรักษาทั้งเสถียรภาพในระบบการเงิน การขยายตัวของเศรษฐกิจและในมุมของเงินเฟ้อแม้จะติดลบแต่มีมุมมองว่าระยะถัดไปไปน่าจะค่อย ๆ กลับขึ้นมาเข้าสู่เป้าหมายของธปท.ได้

ดังนั้นหากตีความลักษณะดังกล่าวอาจสะท้อนว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 7 ก.พ. อาจจะเป็นภาพของการคงดอกเบี้ยได้ ซึ่งจะลดความคาดหวังของตลาดไป อย่างไรก็ตามอาจจะเป็น Sentiment บวกเล็กๆ กับกลุ่มธนาคารที่สัปดาห์ก่อนปรับลงมาค่อนข้างมาก จากความกังวลประเด็นดังกล่าว แต่อาจจะไม่ได้รีบาวด์แรงเนื่องจากอยู่ในช่วงติดตามการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/66 ของกลุ่มในสัปดาห์นี้อยู่

นอกจากนี้ภาพรวมนักลงทุนต่างชาติยังคงไหลออก เมื่อวานนักลงทุนต่างชาติขายออกทั้งตลาดหุ้น ตราสารหนี้ และ Net short ใน Futures

นายชาญชัย กล่าวว่าระหว่างวันติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตในการพิจารณาความเห็นที่ได้รับจากกฤษฎีกา และจะมีแนวทางอย่างไรก็ต่อ โดยในระยะสั้นตลาดน่าจะให้น้ำหนักกับหุ้นที่ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตดี

พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,400 จุด และแนวต้าน 1,415 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 15 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,030.25 จุด ลดลง 186.08 จุด หรือ -1.15% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,881.56 จุด ลดลง 4.73 จุด หรือ -0.16% ขณะที่ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 35,909.20 จุด เพิ่มขึ้น 7.41 จุด หรือ +0.02% หลังจากเปิดตลาด 15 นาที ดัชนีนิกเกอิลดลง 138.54 จุด หรือ -0.39% สู่ระดับ 35,763.25 จุด

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (15 ม.ค.) ที่ 1,407.02 จุด ลดลง 6.51 จุด (-0.46%) มูลค่าซื้อขาย 32,633.35 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขยสุทธิ 506.42 ล้านบาท (15 ม.ค.)

– ตลาดน้ำมันนิวยอร์กปิดทำการวันจันทร์ที่ 15 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน คิง ลูเธอร์

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (15 ม.ค.) อยู่ที่ 7.71 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.10/13 อ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค ตลาดรอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง

– ธปท.เปิดเวทีแจง แนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน ชี้ดอกเบี้ยปัจจุบันเหมาะสม สมดุล และจุดจบของดอกเบี้ยที่ 2.50% เป็นจุดที่พอดี ยันนโยบายการเงิน “ไม่ได้มาผิดทาง” ย้ำแบงก์ชาติไม่ใช่กองหน้า แต่เป็นกองหลังคุมเสถียรภาพ

– “รัฐบาล” รุกแลนด์บริดจ์ เต็มตัว “เศรษฐา” พบผู้บริหาร “ดูไบ พอร์ต เวิลด์” ระหว่างการเยือนดาวอส ประชุม WEF ชี้ เคยเข้าพบ สนข.ข้อมูลปลายปี 66 เป็นยักษ์ใหญ่บริหารท่าเรือและกิจการน้ำมันดึง “ที่ปรึกษานายกฯ” ระบุจุดขายเชี่ยวชาญโรงกลั่น ท่อส่งน้ำมัน เคยศึกษาตั้งโรงกลั่นในไทย 5-9 แสนบาร์เรลต่อวัน รองรับธุรกิจการกลั่น และปิโตรเคมี มั่นใจแข่งสิงคโปร์ได้

– “พีระพันธุ์” เดินหน้าประชาพิจารณ์ “ไฟฟ้าสีเขียว” ราคาเฉลี่ยเบื้องต้น 4.55 บาทต่อหน่วย คาดเปิดบริการ ก.พ.-มี.ค.นี้ หนุนนโยบายรัฐต้อนรับการลงทุนข้ามชาติ ย้ำไม่กังวล ปตท.จ่อฟ้องศาลปกครองยุติข้อพิพาทชอร์ตฟอล 4.3 พันล้านบาทอุดหนุนค่าไฟ เผยภาครัฐ พลังงาน-คลังอุตสาหกรรม เดินหน้าผลักดัน การผลิตและการใช้พลังงานสะอาด ลุยแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย Solar Rooftop หวังภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจใช้พลังงานสะอาด กรม ธุรกิจพลังงาน จ่อจับมือ 5 หน่วยงาน ลุยติดตั้ง EV Charging Station ให้ได้มาตรฐานรองรับผู้ใช้รถ EV

– การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 16 ม.ค.67 สำนักงบฯ จะเสนอกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ให้พิจารณาก่อนที่จะดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในปฏิทินงบประมาณ โดยมีวงเงินงบประมาณรวม 3.6 ล้านล้านบาท เพิ่ม 3.4% จากปีงบ 67 ที่มี 3.48 ล้านล้านบาท โดยเป็นงบประมาณแบบขาดดุลการคลัง 713,000 ล้านบาท ภายใต้การประมาณการรายได้รัฐบาลสุทธิ 2.887 ล้านล้านบาท เพิ่ม 3.6% ส่วนหนี้สาธารณะคงค้าง 12,664,069 ล้านบาท คิดเป็นหนี้สาธารณะคงค้างต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 63.73%

– ส.อ.ท.เตรียมยื่นข้อเสนอรัฐบาล ดูแลค่าไฟฟ้าระยะเร่งด่วนในปีนี้ วางเป้าหมายค่าไฟฟ้าเฉลี่ยไม่เกิน 3.60 บาท/หน่วย ผ่านการบริหาร 5 แนวทางหลัก เพื่อทำให้แผนระยะกลางและระยะยาวไปสู่เป้าหมายค่าไฟฟ้าเฉลี่ยไม่เกิน 3 บาท/หน่วย เน้นเจรจาพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา เปิดตลาดไฟเสรี ฯลฯ

 

หุ้นเด่นวันนี้

– AP (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14.40 บาท เงินปันผลโดดเด่น เราคาดจ่าย 0.70 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend yield สูงถึง 6% ขณะเดียวกัน PE ปัจจุบันต่ำเพียง 5.6x ส่วนแนวโน้มกำไร4Q23 คาดขยายตัว 10% y-y แต่ลด 20-30% q-q เป็น 1.2-1.3 พันลบ. กำไรทั้งปีในปี 2566-2567 น่าจะโตและทำจุดสูงสุดได้ต่อ Presales ไตรมาส 4/66 ทำ new high รายไตรมาสที่ 1.6 หมื่นลบ. จากความสำเร็จของการเปิดตัว 2 โครงการใหม่ที่ทำยอดขายกว่า 6 พันลบ. แม้ว่า Presales ทั้งปีจะเพิ่มเพียง 2% y-y เพราะถูกฉุดจากตลาดแนวราบที่ซบเซา แต่ยังสามารถทำ new high ได้ แนวรับ 11.30 บาท แนวต้าน 11.80 บาท

– AH (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35.00 บาท แนวโน้มปี 2567 ยังเน้นที่กลุ่มลูกค้าหลัก คือ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ ผสานการขยายฐานลูกค้าในกลุ่ม EV จากฐานการผลิตในโปรตุเกส จีน และไทย ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายเพียง PE 5.5 เท่า และคาดปันผลสูงราว 5.5% ถือเป็นระดับที่น่าทยอยสะสม

– CKP (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 4.60 บาท ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 4.20 บาท เป็น 4.60 บาท เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของเราปี 2566/67/68 ขึ้น 39%/11%/16% จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของทั้งโรงไฟฟ้าพลังน้ำและโรงไฟฟ้า SPP จากโอกาสที่จะเกิดปรากฏการณ์ลานีญาสูงขึ้นในปี 2567 หนุนปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้น

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ม.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top