หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ รับแรงกดดันบอนด์ยีลด์ปรับขึ้น-ดอลลาร์แข็งค่า

 

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนตลาด ประกอบกับแรงกดดันของตลาดที่กังวลในเรื่องของโอกาสในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลักๆในโลกอาจไม่ได้เห็นการลดดอกเบี้ยลงมาเร็วตามที่คาดไว้ ทำให้เป็นปัจจัยกดดันต่อตลาดหุ้น

ขณะเดียวกันปัจจัยความกังวลในเรื่องโอกาสการลดดอกเบี้ยไม่เร็วตามคาด ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond Yield) เพิ่มขึ้น กลับไปที่ 4% อีกครั้ง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้มีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาค ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ที่เปิดมาส่วนใหญ่เคลื่อนไหวแดนลบ

โดยให้แนวต้าน 1,410 จุด แนวรับ 1,390 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,361.12 จุด ลดลง 231.86 จุด หรือ -0.62%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,765.98 จุด ลดลง 17.85 จุด หรือ -0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,944.35 จุด ลดลง 28.41 จุด หรือ -0.19%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 15,764.38 จุด ลดลง 101.54 จุด หรือ -0.64% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 2,887.29 ลดลง 6.70 จุด หรือ -0.23% ขณะที่ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 35,850.18 จุด เพิ่มขึ้น 231 จุด หรือ +0.65%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ม.ค.) ที่ 1,401.72 จุด ลดลง 5.30 จุด (-0.38%) มูลค่าซื้อขาย 39,472.36 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 899.13 ล้านบาท (16 ม.ค.)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. (16 ม.ค.) ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 72.40 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ม.ค.) อยู่ที่ 7.54 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.45 แนวโน้มอ่อนค่ารับผลปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ให้กรอบ 35.25-35.60

– “ครม.” เห็นชอบให้กรมสรรพสามิตลดจัดเก็บภาษีฯดีเซล 1 บาท/ลิตร เป็นเวลา 3 เดือนมีผล 20 ม.ค.-19 เม.ย. 67 เพื่อตรึงดีเซลไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ตามแนวทางกระทรวงพลังงานเพื่อลดค่าครองชีพประชาชน “พีระพันธุ์” ลั่นเร่งปรับโครงสร้างทั้งไฟฟ้าน้ำมัน ด้าน “กกพ.” ชี้ค่าไฟงวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค.67) จ่อขยับขึ้นแตะ 4.25-4.26 บาทต่อหน่วย จากงวดปัจจุบันอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ลุ้นก๊าซเอราวัณมาตามแผน LNG ต่ำ ยันข้อเสนอเอกชน 3.60 บาท/หน่วย ทำได้ยาก

– ความเห็นเงินดิจิทัลของ ป.ป.ช. สะเทือนรัฐบาล “ภูมิธรรม” เลื่อนประชุมบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต รอรายงานของ ป.ป.ช. ชี้เป็นโอกาสที่ดี ได้รับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายรอบด้าน “เลขากฤษฎีกา” ระบุรัฐบาลควรรับฟังความเห็น ป.ป.ช.ในฐานะหน่วยงานอิสระ “จุลพันธ์” ยืนยันไม่ลดขนาดโครงการ เหลือ 3 แสนล้านบาท ยืนยันแจกเงินตาม ไทม์ไลน์เดิม พ.ค.67

– 98 สว. หนุนอภิปรายทั่วไปรัฐบาล จะยื่นประธานวุฒิสภา จันทร์หน้า “วันชัย” รับมีสิทธิ์ สว. ถูกล็อบบี้ถอนชื่อซักฟอก ระบุความเป็นพรรคพวก-เพื่อนฝูง อาจทำให้เปลี่ยนแปลงได้ ขณะที่ “ดิเรกฤทธิ์” ไม่กังวล สว.ถอนชื่อออกก่อนยื่นซักฟอก ชี้ใครถอนออกต้องตอบสังคมให้ได้

– ครม.เห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.6 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 วงเงิน 120,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.45% มีรายจ่ายประจำ 2,713,700 ล้านบาท รายจ่ายเพื่อชดเชยการคลัง (ไม่มีรายจ่ายรายการนี้ หลังจากที่ปี 67 ตั้งงบประมาณส่วนนี้ไว้ 118,361.1) รายจ่ายลงทุน 742,300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20.62% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และรายจ่ายเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ 144,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ทั้งสิ้น 25,680 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.7% และคิดเป็นสัดส่วน 4% ของงบประมาณ เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่เคยจัดสรรงบประมาณส่วนนี้ไว้ 3.4% ในปี 2567

 

หุ้นเด่นวันนี้

– PTT (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 42.00 บาท Price In ประเด็นลบไปมาก การปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับโรงแยกก๊าซ (GSP) เดือนม.ค.-เม.ย.67 กระทบต่อค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 6.5 พันล้านบาทก่อนหักภาษี (5.2 พันล้านบาทหลังหักภาษี หรือ 4.9% ของการคาดการณ์ปี 67E) ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าจะบังคับใช้ถาวรหรือมีผลเฉพาะ 4 เดือนแรก แต่คาดว่าผลกระทบในรอบถัดไปจะต่ำลงเนื่องจากราคาและปริมาณนำเข้า LNG มีแนวโน้มลดลง เราคาดว่า PTT จะหาแนวทางเพื่อลดทอนผลกระทบ เช่นลดกำลังการผลิตของ GSP หรือส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปที่ PTTGC ที่เป็นผู้ซื้อหลัก แม้ว่าความเสี่ยงต่อประมาณการยังมีอยู่แต่ราคาหุ้นที่สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรสะท้อนจาก P/BV ที่มี Discount เมื่อเทียบ PTTEP จึงมอง Downside ของราคาจะเริ่มจำกัด

– TU (กสิกรไทย) “ซื้อ” เป้าหมายใหม่ 16.70 บาท การตัดสินใจออกจากการลงทุนใน Red Lobster (RL) ที่ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จะไม่รับรู้ผลการดำเนินงานของ RL อีกต่อไปตั้งแต่ไตรมาส 1/67 ส่งผลให้ประมาณการกำไรปี 2567-68 ของบริษัทเพิ่มขึ้น 10% และ 8% เป็น 7.5 พันลบ. และ 7.9 พันลบ. ตามลำดับ แม้บริษัทจะต้องบันทึกด้อยค่าของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดจำนวน 1.85 หมื่นลบ.ในไตรมาส 4/66 เราเชื่อว่าการตัดสินใจนี้จะส่งผลเชิงบวกต่อ TU ในอนาคต ขณะเดียวกัน TU เผยโครงการซื้อหุ้นคืนสูงสุดไม่เกิน 3.6 พันลบ.

– SABINA (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า 33 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 122 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%qoq และ 15%yoy จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นตาม High season ของธุรกิจแนวโน้ม ไตรมาส 1/67 โตต่อเนื่องจากผลบวกของมาตรการ Easy eReceipt, มีนโยบายจ่ายปันผล 100% ให้ Dividend yield 5-6%ต่อปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ม.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top