หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นจำกัดรับอานิสงส์น้ำมันพุ่ง รอผลประชุม BOJ-เฟด

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยกลุ่มพลังงานอาจจะนำตลาดวันนี้ตามทิศทางราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนหลังจากอิรัก ประกาศจะปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

นอกจากนี้การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนเมื่อวานนี้ที่แข็งแกร่งกว่าตลาดคาด อาทิ ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วงม.ค.-ก.พ. ปรับตัวขึ้น หนุนราคาพลังงาน และน่าจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ เช่น PTTEP หรือหุ้นกลุ่มโรงกลั่น SPRC BCP TOP หนุนตลาดได้

อย่างไรก็ตามคาดว่าการปรับขึ้นยังจำกัด เนื่องจาก Fund Flow ระยะสั้นชะลอตัว เพื่อรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางต่าง ๆ ว่าจะมีการส่งสัญญาณนโยบายการเงินอย่างไร ซึ่งในวันนี้จะมีการประชุมกำหนนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ว่าจะมีการพิจารณามาตรการใดออกมาหรือไม่ รวมทั้งช่วงปลายสัปดาห์ติดตาม สภาพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567

พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,390 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (19 มี.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,790.43 จุด เพิ่มขึ้น 75.66 จุด หรือ +0.20%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,149.42 จุด เพิ่มขึ้น 32.33 จุด หรือ +0.63% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,103.45 จุด เพิ่มขึ้น 130.27 จุด หรือ +0.82%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 39,622.58 จุด ลดลง 117.86 จุด หรือ -0.30% ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,628.07 จุด ลดลง 109.05 จุด หรือ -0.65% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,077.98 จุด ลดลง 6.95 จุด หรือ -0.23%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (19 มี.ค.) ที่ 1,385.94 จุด ลดลง 0.10 จุด (-0.01%) มูลค่าซื้อขาย 37,393.28 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 297.94 ล้านบาท (19 มี.ค.)

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 82.72 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (19 มี.ค.) อยู่ที่ 6.81 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 35.98 แนวโน้มอ่อนค่า ให้กรอบวันนี้ 35.90-36.10 ตลาดจับตาผลประชุม BOJ-FED

– “ทิสโก้” เปิดแผนธุรกิจ ปี 67 ปักหมุดเข็น “ธุรกิจมั่งคั่ง” ขึ้นแท่น “เรือธง” สร้างการเติบโตให้ ธนาคาร วางเป้าหมายเร่งขยายฐาน ลูกค้าเวลท์มีสินทรัพย์ภายใต้บริหาร ภายใน 3 ปี เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% พร้อมมุ่งอัปเกรดสาขาใหม่ หวังเจาะกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งเพิ่ม

– “คลัง-แบงก์ชาติ” ร่วมพิจารณา อยากเห็นประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจไทย ก้าวย่างสำคัญ ของ Virtual Bank หรือ ธนาคารไร้สาขา ที่กำลังจะถูกเริ่มต้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีกำหนดเปิดให้ผู้ที่สนใจสมัครขอ ใบอนุญาต หรือขอไลเซนส์ ในการจัดตั้ง Virtual bank สามารถยื่นใบสมัครต่อธปท.ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ เริ่มตั้งแต่ 20 มี.ค. ถึง 19 ก.ย.ปี 2567 หรือ 6 เดือนเต็มหลังจากนี้

– สนพ.ชี้ความต้องการใช้พลังงานประเทศปี’67 คาดโต 3.1% อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวฟื้นตัว-ฤดูร้อนอุณหภูมิสูงขึ้น 1.2 องศา ชี้ปี’66 โตแค่ 0.8% ภาคอุตสาหกรรมหืดจับ ผลิตสินค้าส่งออกหดตัว ใช้ไฟร่วง 2.6%

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– PTTEP (กรุงศรี) แนะนำ ซื้อ เป้า IAA Consensus 179.5 บาท เป็น Oil link Company ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นยืนเหนือระดับ 82$/bbl และทำสถิติสูงสุดในรอบ 4 เดือน รับข่าวอิรัก และ ซาอุฯ ลดการส่งออกน้ำมันดิบ

– RBF (ฟินันเซียไซรัส) ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13 บาท เรามีมุมมองค่อนไปในทางบวกต่อการประชุมวานนี้ แม้ระยะสั้นกำไร ไตรมาส 1/67 อาจไม่น่าตื่นเต้น แต่จะโตได้ทั้ง q-q และ y-y ที่ระดับ 160-170 ล้านบาท หนุนจากทั้งรายได้ในประเทศและต่างประเทศ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 67 ในประเทศโต High-Single Digit ส่วนต่างประเทศคาดโตสูง 17-20% นำโดยอินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม มี Story ใหม่คืออยู่ระหว่างทดสอบสินค้ากลุ่ม Food Coating ให้กับ Vkusno & Tochka (McDonald เดิม) หากสำเร็จจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาหนุนใน 2H24 ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการกำไรปีนี้ที่ 837 ล้านบาท +29% y-y

– CRC (คิงส์ฟอร์ด) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 46.00 บาท ระยะสั้นมี Sentiment บวกในกลุ่ม Hardline(ไทวัสดุ) จากการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ในสัปดาห์นี้ ส่วนกำไรสุทธิช่วง 4Q66 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 3,138 ล้านบาท (-5.22%YoY, +175% QoQ ) ภาพรวม YoY อ่อนตัวจาก Extra Items ที่เป็นบวกใน 4Q65 และยอดขายกลุ่มธุรกิจ Food ถูกกดดันจากธุรกิจในเวียดนามอยู่บ้าง แต่กำไรปกติยัง +14%YoY +120%QoQ ส่วนการดำเนินงานช่วง 1Q67 คาดยังดี YoY รับเทศกาลตรุษจีน และม.กระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐฯ(easy e-receipt) โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักของรายได้ปี67 คาดจะมาจากกลุ่ม Food ซึ่ง CRC ตั้งเป้าเปิดสาขา GO Wholesale เพิ่มอีก 7 สาขา(จาก 11 สาขาปี 66) โดย ปัจจุบัน เราวางกำไรสุทธิปี 67 ที่ 9,175 ล้านบาท (+14%YoY)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 มี.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top