“ละแมน้ำมันปาล์ม” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO ราว 195.95 ล้านหุ้นเข้า SET ใช้เป็นทุนหมุนเวียน

บมจ.ละแมน้ำมันปาล์ม (LM) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 195,950,800 หุ้น คิดเป็น 25.79% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลัง IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจการเกษตร โดยมี บริษัท ฟิน พลัส แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

วัตถุประสงค์การใช้เงิน บริษัทจะนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทและบริษัทย่อย

LM ประกอบธุรกิจจำหน่ายนามันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil: CPO) และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ (By-product) สำหรับอุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันเพื่อการบริโภคและผลิตไบโอดีเซล รวมถึงการจัดหาและรวบรวมน้ำมันพืชใช้แล้ว และธุรกิจผลิต ซื้อมาและจำหน่ายไบโอดีเซล (Biodiesel)

บริษัทจดทะเบียนก่อตั้งเมื่อปี 2557 ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เริ่มแรกสำนักงานตั้งอยู่ที่ตำบลสวนแตง อำเภอละแม จังหวัดชุมพร เพื่อประกอบธุรกิจจำหน่าย CPO และ By-product ของน้ำมันปาล์มดิบ นอกจากนี้บริษัทมีบริษัทย่อย 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท เซอร์คูล่า เอ็นเนอร์ยี จำกัด (CE) จัดตั้งเมื่อปี 2563 เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล และน้ำมันพืชใช้แล้ว (UCOME) และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ทุกชนิด รวมถึงซื้อมาขายไปไบโอดีเซล ปัจจุบันสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตไบโอดีเซลตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองหนึง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และมีทุนจดทะเบียน 450 ล้านบาท โดย LM ถือหุ้น 99.99%

1) ธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้ โดยบริษัทจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดการและรวบรวมน้ำมันปาล์มดิบและผลพลอยได้ของน้ำมันปาล์มดิบจากโรงหีบปาล์มหรือผู้จัดจำหน่ายรายอื่นๆตามชนิดผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ต้องการ ซึ่งน้ำมันปาล์มดิบ เป็นส่วนประกอบสำคัญในอุตสาหกรรมผลิตน้ำมันไบโอดีเซล อุตสาหกรรมการผลิตน้ำมันพืชเพื่อการบริโภค และยังสามารถเป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมอื่นๆด้วย เช่น อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เป็นต้น กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นลูกค้าในประเทศ

2) ธุรกิจไบโอดีเซล โดยบริษัทมีการผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์มดิบเกรด A และน้ำมันพืชใช้แล้วจากการประกอบอาหาร รวมถึงเทรดดิ้งไบโอดีเซล กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นลูกค้าต่างประเทศที่ตระหนักภาวะสิ่งแวดล้อมมุ่งเน้นพลังงานสีเขียวเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย สิงคโปร์ อิตาลี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เบลเยี่ยม มาเลเซีย และเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566 มีกลุ่มครอบครัวไตรตระกูลชัย ถือหุ้น 99.98% ซึ่งถือครองโดยนายจิรัฎฐ์ ไตรตระกูลชัย เป็นหลัก (99.96%) หลังเสนอขาย IPO จะลดลงเป็น 74.20% ซึ่งนายจิรัฎฐ์มีสัดส่วนลดลงเป็น 74.19%

กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายสำหรับปี 2564, 2565 และ 2566 เท่ากับ 4,454.05 ล้านบาท 4,953.78 ล้านบาท และ 4,359.38 ล้านบาทตามลำดับ กำไรสุทธิ 50.27 ล้านบาท 20.11 ล้านบาท และ 80.46 ล้านบาท ตามลำดับ สำหรับปี 2566 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 60.35 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 300.07% เนื่องจากบริษัทย่อยเปลี่ยนวัตถุดิบหลักในการผลิตไบโอดีเซลเป็นนามันพืชใช้แล้วซึ่งมีราคาต่ำกว่า CPO A ที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตในช่วงที่ผ่านมา

ณ วันที่ 31 ธ.ค.2566 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 1,138.63 ล้านบาท หนี้สินรวม 702.98 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้นรวม 435.65 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อย มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติตามงบการเงินรวมของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักเงินสำรองต่างๆตามที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี โดยจำนวนเงินปันผลที่จ่ายจะต้องไม่เกินกว่ากำไรสะสมของงบการเงินเฉพาะกิจการ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 67)

Tags: , , , , , ,
Back to Top