
กระทรวงพลังงานอินโดนีเซียเปิดเผยในแผนพลังงานแห่งชาติฉบับล่าสุดว่า อินโดนีเซียตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน โดยจะลดการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากก๊าซลง
กระทรวงฯ ระบุว่า อินโดนีเซียวางแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 60 กิกะวัตต์ ในอีก 9 ปีข้างหน้า โดยเกือบ 3 ใน 4 จะมาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ส่วนที่เหลือจะมาจากก๊าซและถ่านหิน โดยในปัจจุบัน อินโดนีเซียพึ่งพาโรงไฟฟ้าถ่านหินจำนวนมากเพื่อตอบสนองความต้องการไฟฟ้า ทำให้เป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค
ทั้งนี้ พลังงานแสงอาทิตย์จะเป็นแหล่งพลังงานที่มีการเพิ่มกำลังผลิตมากที่สุดถึง 17 กิกะวัตต์ ตามมาด้วยพลังงานน้ำ 12 กิกะวัตต์ ส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติจะถูกเพิ่มเข้ามาประมาณ 10 กิกะวัตต์ ซึ่งลดลงจาก 15 กิกะวัตต์ที่เคยระบุไว้เมื่อต้นปีนี้
อย่างไรก็ดี อินโดนีเซียไม่ได้กล่าวถึงการปลดระวางโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอยู่ก่อนกำหนด และยังระบุว่าอินโดนีเซียตั้งใจจะเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินอีก 6 กิกะวัตต์ เข้าระบบในอีก 9 ปีข้างหน้า
บาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของอินโดนีเซีย เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า “เราต้องมีความสม่ำเสมอในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงศักยภาพ การจัดหาพลังงาน และต้นทุนทางเศรษฐกิจด้วย” โดยอินโดนีเซียค่อนข้างล่าช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านบางแห่งในการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 12% ของส่วนผสมพลังงาน และตั้งเป้าจะเพิ่มเป็น 35% ภายในปี 2578
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ค. 68)
Tags: ก๊าซ, พลังงานหมุนเวียน, อินโดนีเซีย