
นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ศึกษาแนวทาง โดยเร่งให้บวท. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาบุคลากร และนำระบบเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาใช้งาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการให้บริการจราจรทางอากาศ และเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบิน เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย กระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างเป็นรูปธรรม และผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค
นายสุรชัย หนูพรหม รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รักษาการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บวท. คาดว่าในปีนี้ปริมาณเที่ยวบินจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับปี 2567 หรือคาดการณ์ว่าจะมีเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 30,712 เที่ยวบิน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับปริมาณผู้โดยสารที่ใช้บริการ ณ ท่าอากาศยานสมุย ระหว่างเดือน มกราคม – เมษายน 2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,148,272 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ที่ใช้บริการ จำนวน 1,021,059 คน คิดเป็น 12.46%
จากปัจจุบันมีปริมาณเที่ยวบินเฉลี่ย 70-80 เที่ยวบินต่อวัน โดยปริมาณเที่ยวบินในช่วงเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา มีจำนวน 13,668 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินภายในประเทศจำนวน 10,186 เที่ยวบิน เที่ยวบินระหว่างประเทศ จำนวน 2,031 เที่ยวบิน และมีเที่ยวบินหน่วยงานราชการ และเที่ยวบินทั่วไปอื่น ๆ อีกจำนวน 1,451 เที่ยวบิน
ทั้งนี้ บวท. ได้ประสานความร่วมมือ และบูรณาการการทำงานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยจะนำระบบการบริหารจัดการ Airport-Collaborative Decision Making (A-CDM) เข้ามาใช้งานที่ท่าอากาศยานสมุย ซึ่งเป็นหลักการในการบริหารจัดการและการตัดสินใจร่วมกัน (Collaborative) ให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลมาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรของสนามบิน มีประสิทธิภาพสูงสุด
รวมถึงการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้งาน อาทิ ระบบหอบังคับการบินดิจิทัล หรือ Digital Tower เพื่อช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัย การใช้งานทางวิ่ง ทางขับ ทำให้สามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งยังสามารถพัฒนาเป็น หอควบคุมการจราจรทางอากาศสำรองกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ได้จากศูนย์ควบคุมระยะไกล หรือ Remote Tower และมีแผนการนำเทคโนโลยี Approach Spacing Tools เข้าใช้งาน เพื่อช่วยให้การจัดระยะห่างอากาศยานในการเข้ามาลงสู่สนามบิน ให้เกิดความแม่นยำสูง สามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้น และการนำระบบติดตามอากาศยานด้วยดาวเทียม หรือ ระบบ Automatic Dependent Surveillance-Broadcast (ADS-B) เข้ามาเสริมทดแทนระบบเรดาร์ติดตามอากาศยาน Secondary Surveillance Radar (SSR) ที่มีข้อจำกัดทางกายภาพ กรณีถูกบดบังสัญญาณ รวมทั้งการออกแบบ วิธีปฏิบัติการบิน รูปแบบใหม่ ด้วยการใช้ระบบนำร่องด้วยดาวเทียม หรือ Required Navigation Performance (RNP) มาทดแทนวิธีปฏิบัติการบินแบบเดิม ซึ่งจะสามารถลดข้อจำกัดในการร่อนลงสู่สนามบินได้ เนื่องจากท่าอากาศยานสมุยมีข้อจำกัดลักษณะทางกายภาพของสนามบินที่ไม่สามารถติดตั้งเครื่องช่วยการเดินอากาศ Instrument Landing System (ILS) ได้ นอกจากนี้ บวท. ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะและสมรรถนะสูง เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบิน ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงคมนาคม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มิ.ย. 68)