ชานเมืองเทลอาวีฟเสียหายหนัก หลังอิหร่านถล่มตอบโต้ถูกสหรัฐฯ โจมตี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มีชาวอิสราเอลบาดเจ็บอย่างน้อย 27 ราย หลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธ 40 ลูกเข้าใส่อิสราเอล เพื่อตอบโต้การที่สหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน

หนึ่งในเป้าหมายที่ถูกขีปนาวุธอิหร่านคือย่านรามัตอาวีฟในเทลอาวีฟ โดยขีปนาวุธได้สร้างความเสียหายต่อพื้นที่หน้าอาคารอพาร์ตเมนต์หลายแห่ง

รอน ฮูลได นายกเทศมนตรีเทลอาวีฟ เปิดเผยว่า “บ้านเรือนเสียหายหนักมาก … โชคดีที่หนึ่งในนั้นกำลังจะถูกรื้อถอนและสร้างใหม่พอดี จึงไม่มีใครอยู่ข้างใน” และเสริมว่า “ผู้ที่อยู่ในที่หลบภัยปลอดภัยดี ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นร้ายแรงมาก แต่ในแง่ของชีวิตผู้คน เราไม่เป็นอะไรมาก”

ทั้งนี้ กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) แจ้งว่า ทางอิสราเอลตรวจพบการยิงขีปนาวุธจากอิหร่าน หลังจากสหรัฐฯ โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยระบุว่า “เมื่อไม่นานมานี้ มีเสียงไซเรนดังขึ้นหลายพื้นที่ทั่วอิสราเอล หลังจากที่เราตรวจพบขีปนาวุธที่ยิงจากอิหร่านมายังรัฐอิสราเอล” และล่าสุดได้ประกาศเตือนภัยทางอากาศในบางพื้นที่ของอิสราเอล และสั่งให้ประชาชนไปหลบภัยในที่ปลอดภัย

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แถลงว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการ “โจมตีที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก” ถล่มเป้าหมายนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่านเรียบร้อยแล้ว

ทรัมป์กล่าวจากทำเนียบขาวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ กองทัพสหรัฐฯ ได้ปฏิบัติการโจมตีอย่างแม่นยำครั้งใหญ่ต่อโรงงานนิวเคลียร์หลัก 3 แห่งของรัฐบาลอิหร่าน ได้แก่ ฟอร์โด นาทานซ์ และอิสฟาฮาน” และเสริมว่า สหรัฐฯ และอิสราเอล “ทำงานร่วมกันเป็นทีม”

ขณะเดียวกัน ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้เตือนอิหร่านว่า อิหร่าน “ต้องสร้างสันติภาพ ไม่เช่นนั้น การโจมตีในอนาคตจะยิ่งใหญ่และง่ายดายกว่าเดิมมาก” โดยอิหร่านต้องเลือกว่าจะสร้างสันติภาพ หรือ “โศกนาฏกรรมที่ใหญ่หลวงสำหรับอิหร่าน ยิ่งกว่าที่เราได้เห็นมาตลอด 8 วันนี้ โปรดจำไว้ว่ายังมีเป้าหมายอีกมาก”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 68)