
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นในฤดูการขับขี่ยานยนต์ช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวกหลังจากความเสี่ยงด้านอุปทานในตะวันออกกลางลดน้อยลง
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.49% ปิดที่ 65.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.07% ปิดที่ 67.73 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบลดลง 5.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่านักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.2 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลจาก EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 2.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 500,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 4.1 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 700,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ หลังจากสื่อรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังวางแผนที่จะคัดเลือกและประกาศชื่อผู้ที่จะมารับตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่ ก่อนที่เจอโรม พาวเวล จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในเดือนพ.ค. 2569 ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าความเสี่ยงด้านอุปทานในตะวันออกกลางลดน้อยลง หลังจากอิหร่านและอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความพอใจต่อการยุติสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอล และกล่าวว่าสหรัฐฯ จะขอคำมั่นสัญญาจากอิหร่านให้ยุติการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ ในระหว่างการเจรจากับเจ้าหน้าที่อิหร่านในสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกันปธน.ทรัมป์กล่าวว่าสหรัฐฯ ยังคงใช้แรงกดดันสูงสุดต่ออิหร่าน ซึ่งรวมถึงข้อจำกัดในการขายน้ำมันของอิหร่าน แต่ก็ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ที่จะผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการกดดันดังกล่าวเพื่อช่วยให้อิหร่านมีโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 มิ.ย. 68)