
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (8 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนประเมินความเคลื่อนไหวล่าสุดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับมาตรการภาษี ที่รวมถึงเส้นตายใหม่สำหรับการทำข้อตกลงทางการค้า
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 545.71 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด หรือ +0.41%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,766.71 จุด เพิ่มขึ้น 43.24 จุด หรือ +0.56%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,206.91 จุด เพิ่มขึ้น 133.24 จุด หรือ +0.55% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,854.18 จุด เพิ่มขึ้น 47.65 จุด หรือ +0.54%
ดัชนี STOXX 600 แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ขณะที่ตลาดต่าง ๆ ของยุโรปปรับตัวขึ้น
หุ้นซัลซ์กิตเทอร์ (Salzgitter) ผู้ผลิตเหล็กของเยอรมนี พุ่งขึ้น 20% หลังจากรัฐบาลเยอรมนีอนุมัติให้ใช้เหล็กเกรดพิเศษ Secure 500 ของบริษัทในกิจการทหาร
หุ้นกลุ่มพลังงานขนาดใหญ่ ปรับขึ้น 1.1% ตามราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้น และหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ บวก 0.8% โดยหุ้น โนโว นอร์ดิสค์ (Novo Nordisk) ของเดนมาร์ก ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีน้ำหนักมากที่สุดในดัชนี STOXX 600 นั้น ปรับตัวขึ้น 2%
ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของมาตรการภาษีนั้น ทรัมป์ได้แจ้งต่อ 14 ประเทศเมื่อวันจันทร์ (7 ก.ค.) ว่า จะมีการจัดเก็บภาษีศุลกากร โดยบางประเทศ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จะถูกเก็บในอัตรา 25% ส่วนลาวและเมียนมาจะถูกเก็บถึง 40%
อย่างไรก็ตาม การเริ่มจัดเก็บภาษีถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 1 ส.ค. ส่งผลให้มีช่วงเวลาอีกสามสัปดาห์สำหรับการเจรจาข้อตกลงใหม่ พร้อมทั้งเพิ่มความไม่แน่นอนที่ส่งผลกระทบต่อตลาดออกไปอีก
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า การที่ทรัมป์เลื่อนเส้นตายออกไปอาจช่วยให้ตลาดคลายกังวลชั่วคราว แต่ความไม่แน่นอนที่แท้จริงยังคงอยู่ หากไม่มีข้อตกลงทางการค้าใดเกิดขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า นักลงทุนอาจต้องเผชิญความผันผวนระลอกใหม่
ในฝั่งยุโรปนั้น แหล่งข่าวจากสหภาพยุโรป (EU) ที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า สหรัฐฯ จะไม่ส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีใหม่แก่สหภาพยุโรป และทาง EU กำลังจับตาความเป็นไปได้ในการได้รับการยกเว้นจากอัตราภาษีพื้นฐานของสหรัฐฯ ที่ 10%
ดัชนี STOXX 600 ฟื้นตัวแรงจากระดับต่ำสุดในเดือนเม.ย. และขณะนี้อยู่ห่างจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค.เพียงราว 3%
อย่างไรก็ดี การคาดการณ์ผลประกอบการล่าสุดชี้ว่าภาพรวมของบริษัทในยุโรปแย่ลง โดยข้อมูลจากแอลเอสอีจี ไอบีอีเอส (LSEG I/B/E/S) คาดว่า กำไรไตรมาส 2 จะลดลงเฉลี่ย 0.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ฤดูกาลประกาศผลประกอบการของยุโรปจะเริ่มขึ้นอย่างจริงจังในสัปดาห์หน้า โดยบริษัทเอเอสเอ็มแอล (ASML) ผู้จัดหาอุปกรณ์ผลิตชิปคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลก จะเป็นบริษัทขนาดใหญ่รายแรกที่รายงานผลกำไรออกมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ค. 68)