
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพุธ (23 ก.ค.) ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นำโดยหุ้นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ หลังนักลงทุนคาดหวังว่าจะมีการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) เพื่อลดผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่ฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 550.22 จุด เพิ่มขึ้น 5.88 จุด หรือ +1.08%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,850.43 จุด เพิ่มขึ้น 106.02 จุด หรือ +1.37%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,240.82 จุด เพิ่มขึ้น 198.92 จุด หรือ +0.83% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,061.49 จุด เพิ่มขึ้น 37.68 จุด หรือ +0.42%
ตลาดได้แรงหนุนหลังนักการทูต EU เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายมีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงการค้าซึ่งรวมถึงการกำหนดภาษีพื้นฐานในการนำเข้าสินค้าจากยุโรปเข้าสู่สหรัฐฯ ที่อัตรา 15% ซึ่งเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของระดับที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยขู่จะเรียกเก็บจาก EU
แม้การเจรจาที่ผ่านมาเดินหน้าไปอย่างล่าช้า แต่นักลงทุนต่างคาดหวังว่าจะมีข้อตกลงก่อนกำหนดเส้นตายในวันที่ 1 ส.ค. โดยคณะกรรมาธิการยุโรปเตรียมเก็บภาษีตอบโต้ หากการเจรจาล้มเหลว
ดัชนี STOXX 600 ทำสถิติปรับตัวขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบเกือบหนึ่งเดือน หลังญี่ปุ่นบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งช่วยจุดกระแสการซื้อหุ้นยานยนต์
หุ้นกลุ่มยานยนต์ยุโรปพุ่งขึ้น 3.7% ทำสถิติปรับขึ้นรายวันมากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยหุ้น Stellantis, Mercedes-Benz Volkswagen และ Porsche พุ่งขึ้น 6.1% ถึง 7.3%
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกกดดัน หลังหุ้น SAP ร่วง 4.1% เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่บริษัทไม่ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี แม้งบไตรมาสล่าสุดออกมาดีกว่าคาด และหุ้น ASM International ร่วงแรงสุด 10.4% หลังยอดจองอุปกรณ์ชิปคอมพิวเตอร์ไตรมาส 2 ต่ำกว่าคาดการณ์
สำหรับหุ้นรายตัวอื่น ๆ นั้น หุ้น UniCredit พุ่ง 3.6% หลังกำไรไตรมาสล่าสุดดีกว่าคาดและปรับเพิ่มแนวโน้มกำไรทั้งปี แม้เพิ่งถอนการเข้าซื้อ Banco BPM หลังขัดแย้งกับรัฐบาลอิตาลี
หุ้น Nokia ร่วง 7.6% หลังปรับลดเป้ากำไรจากการดำเนินงานในปี 2568
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ค. 68)