เงินบาทเปิด 32.38/39 แกว่งแคบ รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง คาดกรอบวันนี้ 32.30-32.50

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.38/39 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.43/44 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวทรงตัว เมื่อคืนที่ผ่านมาเงินบาทยังไม่มีปัจจัยใหม่ โดยประเทศไทยยังคงอยู่ในภาวะสงครามความขัดแย้ง

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค. จาก ADP และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/68 ของสหรัฐฯ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.30 – 32.50 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 148.13/14 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 148.53/55 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1563/1565 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1578/1579 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.468 บาท/ดอลลาร์
  • “พิชัย” ประเมินเหตุขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชากระทบเศรษฐกิจหมื่นล้านบาท รับงบกระตุ้น 2.5 หมื่นล้านอาจไม่พอ จ่อดึงงบส่วนอื่นมาเติม ยันสหรัฐปลดล็อกเดินหน้าเจรจาภาษีต่อ มั่นใจข้อเสนอดูดีทันเส้นตาย 1 ส.ค. สมาคมแบงก์เร่งประสาน กกร.-
    ธปท.-สภาพัฒน์-คลัง ออกมาตรการระยะสั้น-ระยะยาว ปลุก ศก.ใน 1 เดือน
  • “รมช.พาณิชย์” โวทรัมป์แฮปปี้จะเปิดโต๊ะเจรจา ด้าน “พิชัย” รมว.คลัง ฟุ้งข่าวดีเดินหน้าเจรจาภาษีสหรัฐ มั่นใจทันเส้นตาย 1 ส.ค.นี้ หรือเลยไป 1 วันไร้ปัญหา เหตุเป็นประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการในไทยปรับตัว เพิ่มขีดความสามารถ
    ในการแข่งขัน การันตีไม่ได้อัตรา 36% อย่างแน่นอน ชี้ เรื่องชายแดนเป็นความมั่นคง ต้องควบคู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ชี้ ความช่วยเหลือและมาตรการจากธนาคารของรัฐ มีข้อเสนอขยายเวลาชำระหนี้ออกไปมีทั้ง 1 ปี และหลายปีในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
  • ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า มาตรการภาษีสหรัฐอเมริกา ภายใต้กรอบ “Trump Tariff 2.0” จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. 2568 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมส่งออก และการลงทุนร่วมระหว่างประเทศ หอการค้าไทยฯ ขอแสดงความห่วงใย และสนับสนุนการดำเนินการของรัฐบาลไทยอย่างเต็มที่
  • กกร.ชี้เศรษฐกิจเข้าภาวะ Perfect storm อยู่ระหว่างหารือ ร่วมสภาพัฒน์ แบงก์ชาติ สศค. จัดทำ มาตรการระยะสั้น-ยาว เตรียมการฟื้นตัวเศรษฐกิจทั้งระบบนิเวศ ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ การเงิน ยกระดับแข่งขัน เพิ่มการลงทุนใหม่ สอดรับ
    กติกาการค้าใหม่ “คลัง” ถก “ท่องเที่ยว” ออกมาตรการภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม มุ่งเน้นช่วงโลว์ซีซัน เร่งสรุป ส.ค.-ก.ย.นี้
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) เมื่อวานนี้ โดยได้ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจโลกประจำปีนี้และปีหน้า ทั้งนี้ IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.0% ในปี 2568
    เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนเม.ย.ที่ระดับ 2.8% และขยายตัว 3.1% ในปี 2569 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 3.0%
  • ขณะเดียวกัน IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะมีการขยายตัว 2.0% ในปีนี้ และ 1.7% ในปีหน้า จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.8% และ 1.6% ตามลำดับ หลังจากมีการขยายตัว 2.5% ในปี 2567 และ 2.0% ในปี 2566
  • ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 2.0 จุด สู่ระดับ 97.2 ในเดือนก.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 95.0
  • ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัว 2.9% ในไตรมาส 2/2568 หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 0.5% ในไตรมาส 1
  • สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ลดลง 275,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.437 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.50 ล้านตำแหน่ง
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (29 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารายใหญ่จะคลี่คลายลง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (29 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ และยังคงติดตามความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค.
  • นักลงทุนรอดูผลประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ (30 ก.ค.) ตามเวลาสหรัฐฯ โดยตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมครั้งนี้ แม้ว่าปธน.ทรัมป์พยายามกดดันเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็ตาม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 68)