
นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านการต่างประเทศว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.68) ได้เชิญผู้ช่วยทูตทหารและคณะทูต รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศไปสังเกตการณ์พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตามที่ รมช.กลาโหม ซึ่งเป็นผู้อำนวยการ ศบ.ทก.ได้ให้สัมภาษณ์แล้วว่าขณะนี้กระทรวงกลาโหมจะนำคณะผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารต่างประเทศประจำประเทศไทยลงพื้นที่สังเกตการณ์และประเมินผลกระทบจากการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในวันพรุ่งนี้ (1 ส.ค.68)
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนต่างประเทศที่ขณะนี้จะมีจำนวน 22 สำนักงาน รวม 38 คน ลงพื้นที่ร่วมกับคณะผู้ช่วยทูตทหารในวันพรุ่งนี้ ซึ่งแน่นอนได้มีการเชิญสื่อไทยไปด้วย ส่วนสื่อต่างประเทศจะมีความสำคัญเพราะว่าสื่อต่างประเทศจะเป็นช่องทางสำคัญอย่างมากที่จะช่วยเผยแพร่ข้อเท็จจริงให้ประชาคมโลกรับทราบ เกี่ยวกับการลงพื้นที่วันพรุ่งนี้
โดยพรุ่งนี้เป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทย พร้อมนำคณะผู้ช่วยทูตทหาร คณะทูตและสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศลงพื้นที่ โดยการลงพื้นที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกคนเป็นอันดับแรก ซึ่งไทยไม่ได้เป็นผู้โจมตีก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้ว่าช่วงเวลาใดที่ปลอดภัย จึงต้องรอเวลานิดหนึ่ง ให้มีความแน่นอนในเรื่องนี้
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ฝ่ายไทยจะไม่สร้างภาพลวงตา จะไม่ให้ข่าวบิดเบือนกล่าวหาว่าฝ่ายกัมพูชาลักพาตัวทหารไทยอย่างที่ฝ่ายกัมพูชาได้กล่าวหาไทย แต่จะเน้นสื่อสารเชิงคุณภาพ สะท้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งสิ่งที่คณะผู้ช่วยฑูตทหาร คณะทูตและสื่อทั้งไทยและต่างประเทศ จะได้เห็นและจะได้สื่อสารไปทั่วโลก ก็คือ ความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน โรงพยาบาล โรงเรียนและสถานที่สาธารณะที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มต้นและพุ่งเป้าโจมตี ไปยังเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ละเมิดหลักการสิทธิมนุษยชนและละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และทำให้มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก อีกทั้งมีผู้บริสุทธิ์ต้องอพยพไปศูนย์พักพิงตอนนี้นับกว่าแสนคน
นอกจากนี้ ในที่ประชุม ศบ.ทก.วันนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับจุดยืนของฝ่ายไทยและการเรียกร้องให้กัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคี รัฐบาลไทยขอย้ำจุดยืนต่อการยุติความขัดแย้งในครั้งนี้อีกครั้งว่า ฝ่ายไทยมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด อย่างที่ทำอยู่และมุ่งแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันด้วยสันติวิธี ฝ่ายไทยจึงขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงต่าง ๆ ทุกรูปแบบ ทุกชนิดทันทีและทำตามข้อตกลงหยุดยิงดังกล่าวอย่างจริงจังและสุจริตใจ ขณะนี้ฝ่ายไทยมีความพร้อมกลับสู่โต๊ะเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายกัมพูชาทุกเมื่อ โดยรอฝ่ายกัมพูชาส่งหนังสือเชิญอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการประชุม GBC ตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการหาทางออกร่มกัน
นางมาระตี กล่าวว่า ขอให้ประชาชนระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนอย่างเป็นระบบของฝ่ายกัมพูชาที่มีเป้าหมายไม่เพียงเพื่อปกปิดความจริงที่เกิดขึ้น แต่ต้องการที่จะบ่อนทำลายเสถียรภาพของประเทศและความสามัคคีของคนไทย ขอย้ำว่าในการดำเนินการของฝ่ายรัฐบาลให้ความสำคัญกับอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดนผลประโยชน์ของประชาชนและความปลอดภัยของพประชาชนเป็นสำคัญและทุกฝ่ายกำลังทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกัน
ศบ.ทก. เร่งปรับการสื่อสารข้อมูล
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษก ศบ.ทก. กล่าวถึงภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาขณะนี้ยังเป็นการตรึงกำลังของทั้งสองฝ่าย โดยที่ผ่านมาเราได้ตรวจพบการใช้โดรนของฝ่ายกัมพูชา แต่ในภาพรวมนั้นยังอยู่ในความสงบ
ขณะที่ทาง ศบ.ทก.อยู่ระหว่างการเร่งบูรณาการด้านการสื่อสาร บริการให้ข้อมูลโดยเฉพาะกับสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จถี่ถ้วนการแบบ One Stop Service เพื่อลดความเข้าใจผิด ความคลาดเคลื่อนในข้อมูลข่าวสาร รวมทั้งการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งคาดว่าภายใน 1-2 วันนี้ จะมีความเป็นรูปธรรม และสามารถให้สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศสามารถดึงข้อมูลต่าง ๆ มาได้อย่างถี่ถ้วนและสมบูรณ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 68)