เงินบาทเปิด 32.50/52 กลับมาแข็งค่าแข็งค่ารับดอลลาร์อ่อน หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐต่ำคาด

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.50/52 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาด เย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.84 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทปรับตัวแข็งค่า หลังเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่ง ผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือจับตาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เคาะมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการ เจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ที่อัตราภาษีของไทยอยู่ที่ 19% ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องรอดู คือธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) แถลงมติอัตรา ดอกเบี้ย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐฯ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.40 – 32.60 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.80/82 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 150.54 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1568/1570 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1395 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.788 บาท/ดอลลาร์ 
  • “เผ่าภูมิ” ชี้สหรัฐฯ เก็บภาษีไทย 19% สะท้อนศักยภาพการผลิตในประเทศดีกว่าเวียดนาม สร้างข้อได้เปรียบเชิงโครง สร้างเพิ่มขีดความสามารถดึงดูดเงินลงทุนมากขึ้น มั่นใจเศรษฐกิจไทยโตได้มากกว่า 2% เตรียมออกซอฟต์โลนดูแลอุตสาหกรรมที่ได้รับผล กระทบ 
  • “รัฐบาล” เตรียมเสนอข้อตกลง การค้าสหรัฐเข้ารัฐสภา หลังผ่านความเห็นชอบจาก ครม.นัดพิเศษ ชี้ต้องแก้กฎหมาย หลายฉบับ ลดอัตรา ภาษีศุลกากร แก้มาตรฐานสุขอนามัย เพื่อเปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐ เผยยังไม่สรุปหลักเกณฑ์ RVC ต้องเจรจาต่อป้องกัน สวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดสินค้า 
  • พาณิชย์ยืนยันส่งออกปี 2568 คงเดิม ลุ้นเป้าสรท.ขยายตัว 5-7% เล็งเอ็มโอยู พันธมิตรแบงก์-เอกชน ลดผลกระทบภาษี ทรัมป์ 
  • ซีอีโอเปิดกลยุทธ์ รับมือเศรษฐกิจป่วนครึ่งปีหลัง “การบินไทย” เร่งกลยุทธ์รายได้หลายแหล่ง “นกแอร์” เน้น ตลาด ศักยภาพ”พีทีจี” เร่ง Non-Oil “ไทยเครดิต” ตั้งสำรองรับเสี่ยง “เอสซีบี เอกซ์” ปรับแผน ระยะสั้น-ยาว “ไทยพาณิชย์” มุ่งปั้น องค์กร แข็งแกร่ง “กสิกรไทย” ชี้ภาษีทรัมป์กดดัน 
  • “EXIM Bank” ออกมาตรการรับมือ “ภาษีทรัมป์” ช่วยตลาดเดิม-เพิ่มตลาดใหม่ ดันสินเชื่อผนวกประกันการส่งออก ด้าน “เพื่อไทย” ยินดีทีมไทยแลนด์ปิดดีลข้อตกลงภาษีส่งออกไปสหรัฐฯ ที่ระดับ 19% พร้อมยืนยันทุกกระบวนการเจรจาจะต้องเป็นไปตาม โปร่งใส 
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่งใน เดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 106,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.2% จากระดับ 4.1% ในเดือนมิ.ย. 
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (1 ส. ค.) หลังจากข้อมูลจ้างงานของสหรัฐฯ บ่งชี้ว่า นายจ้างเพิ่มตำแหน่งงานในเดือนก.ค. น้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ ขณะเดียวกันตัว เลขการจ้างงานของเดือนก่อนหน้าก็ได้ถูกปรับลดลงอย่างมาก ทำให้นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลาง สหรัฐฯ (เฟด) ในปีนี้ 
  • บรรดานักลงทุนเพิ่มความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนก.ย. โดย เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า ความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% นั้น ได้เพิ่มขึ้นจาก 37.7% มาอยู่ที่ 86.5% 
  • จีนกำลังจะเผชิญเส้นตายในวันที่ 12 ส.ค. 2568 เพื่อให้สามารถบรรลุข้อตกลงภาษีที่ยั่งยืนกับรัฐบาลของประธานาธิบดีโด นัลด์ ทรัมป์ หลังจากที่ทั้งสองประเทศเคยทำข้อตกลงเบื้องต้นเมื่อเดือนพ.ค.และมิ.ย. เพื่อยุติการตอบโต้ด้วยภาษีและการระงับการส่งออก แร่หายาก 
  • รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เชื่อว่าขณะนี้มีองค์ประกอบของข้อตกลงทางการค้ากับจีน แม้ยังไม่แล้วเสร็จโดยสมบูรณ์ พร้อมเปิด เผยว่า ฝ่ายเจรจาของสหรัฐฯ ได้ตอบโต้อย่างหนักแน่นตลอดการเจรจาสองวันที่กรุงสตอกโฮล์มในสัปดาห์นี้ 
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย. ดัชนี PMI/ISM ภาคบริการ เดือนก.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ 
  • นักลงทุนจับตาทิศทางนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า BoEอาจตัดสินใจปรับลดอัตรา ดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมวันที่ 7 ส.ค. นี้ เพื่อกระตุ้นตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ส.ค. 68)