
นักวิเคราะห์ฯ มองแนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้มีลุ้นขยับขึ้นต่อตอบรับความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย หลังบอนด์ยีลด์แ-ดอลลาร์อ่อนลง เก็ง Fund Flow ไหลเข้าตลาด EM เพิ่ม ขณะที่บ้านเรายัง laggard รวมถึง กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์หั่นดอกเบี้ยลงพร้อมส่งสัญญาณอาจปรับลดอีกครั้งในปีนี้ กลุ่มไฟแนนซ์-โรงไฟฟ้า-หุ้นปันผลรับประโยชน์ แนะเกาะติดสภาฯพิจารณางบปี 69 และตัวเลข GDP ของ EU รวมถึงดัชนี PPI และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ อีกทั้ง บจ.ทยอยแจ้งงบฯ Q2/68 ต่อไป ให้กรอบแนวรับ 1,270-1,260 จุด แนวต้าน 1,280 จุด ถัดไป 1,300 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสขยับตัวขึ้นต่อ จากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.นี้ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ได้อ่อนตัวลง พร้อมกับดอลลาร์อ่อนค่า ทำให้คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ (EM) มากขึ้น โดย SET ก็ยังถือว่า laggard เมื่อเทียบกับภูมิภาค
รวมถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวานนี้ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% เหลือ 1.50% ต่อปี เป็นสัญญาณที่ดีว่าจะมีการปรับลดอีกครั้งในปีนี้ ซึ่งทาง บล.ทิสโก้ก็คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยหุ้นกลุ่มที่จะรับประโยชน์ ได้แก่ หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มหุ้นปันผล
แนวโน้มวันนี้ ติดตามการพิจารณางบประมาณประจำปี 69 วาระ 2-3 จนถึงวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) อย่างใกล้ชิด และรายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/68 ของสหภาพยุโรป (EU) รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ อีกทั้ง บริษัทจดทะเบียนไทยที่เหลือรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/68 ด้วย
โดยให้กรอบแนวรับ 1,270-1,260 จุด และแนวต้าน 1,280 จุด ถัดไป 1,300 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (13 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,922.27 จุด เพิ่มขึ้น 463.66 จุด หรือ +1.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,466.58 จุด เพิ่มขึ้น 20.82 จุด หรือ +0.32% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,713.14 จุด เพิ่มขึ้น 31.24 จุด หรือ +0.14%
– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดปรับตัวผสมผสาน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 43,129.18 จุด ลดลง 145.49 จุด หรือ -0.34%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 25,766.62 จุด เพิ่มขึ้น 152.95 จุด หรือ +0.60% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,685.52 จุด เพิ่มขึ้น 2.06 จุด หรือ +0.06%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ส.ค.) 1,277.43 จุด เพิ่มขึ้น 18.36 จุด (+1.46%) มูลค่าซื้อขาย 70,067.54 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (13 ส.ค.) 6,653.27 ล้านบาท
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. (13 ส.ค.) ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.82% ปิดที่ 62.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ส.ค.) อยู่ที่ 4.62 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 32.26 ทรงตัวจากวานนี้ รอปัจจัยใหม่ จับตาทิศทาง Flow-ราคาทอง
– กนง.เอกฉันท์ลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี เหลือ 1.50% รับเศรษฐกิจไทยไม่ดี เติบโตต่ำกว่าศักยภาพ ขณะที่ “ภาษีทรัมป์” ซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างด้านเศรษฐกิจ บางภาคส่วนเปราะบางมากขึ้น โดยเฉพาะ “เอสเอ็มอี” มองนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ หวังเอื้อภาคธุรกิจ บรรเทาภาระกลุ่มเปราะบาง “ทีดีอาร์ไอ” ชี้ส่งสัญญาณนโยบายการเงินผ่อนคลาย “เอกชน” หนุนลดดอกเบี้ย
– “จุลพันธ์” แจงงบฯ รายจ่ายปี 69 ยืนยันรัฐบาลมีกระสุนเพียงพอ รับมือความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก ทั้งเงินคงคลัง และกลไกตามกฎหมาย เผยแผนลดการขาดดุลอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่เป้างบประมาณสมดุลระยะยาว ส.อ.ท.เร่งรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วงที่เหลือของปีชะลอตัว
– ศาล รธน.นัดชี้ชะตา “นายกฯ อิ๊งค์” ปมคลิปเสียงฮุนเซน 29 สิงหาคมนี้ สั่งเรียกเจ้าตัวไต่สวน พร้อมเลขาฯ สมช. พฤหัสฯ หน้า 21 สิงหาคม ถ้าไม่มาถือว่าไม่ติดใจ ด้าน “นายกฯ อิ๊งค์” ปฏิบัติหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม ก่อนเข้าสภาฯ แต่ขากลับหลบสื่อ ชิ่งออกชั้นใต้ดิน หลังศาล รธน.นัดชี้ชะตาปมคลิปเสียงจ้อฮุนเซน “สมชัย” แนะจับตา “นายกฯ อิ๊งค์” ชิงลาออกก่อนศาล รธน.ชี้ขาด บอกตามใจจะเชื่อ “คุณพ่อแม้ว” หรือเซียน
– วานนี้ (13 ส.ค.) ไร้เงา 14 ผู้ต้องหา “คดีหุ้นมอร์” หลังไม่มาตามนัด “อัยการ” เร่งส่งหนังสือ ถึง “ดีเอสไอ” เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย และหากยังไม่มาอีก “ออกหมายจับทันที” คาดผู้ต้องหา ยังอยู่ในประเทศ ไม่ได้หลบหนีตามที่มีกระแสข่าว
– EPG (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4 บาท กำไรปกติฟื้นเป็นไตรมาสที่ 2 และดีกว่าคาด 7% โดยงวด Q1/69 (เม.ย.-มิ.ย.) ทำได้ 344 ลบ. (+18% q-q, +1% y-y) ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์มีรายได้และมาร์จิ้นเพิ่มสวนทางอุตสาหกรรม ธุรกิจฉนวน (Aeroflex) มาร์จิ้นลดชั่วคราวจากการเร่งส่งวัตถุดิบไปโรงงานในสหรัฐ ส่วนการตั้งสำรอง ECL ไตรมาสนี้เป็นไตรมาสสุดท้าย กำไรงวด Q1/69 คิดเป็น 31% ของทั้งปี ขณะที่ Aeroflex ดูดีมาก โรงงานในสหรัฐมีวัตถุดิบพออีก 8 เดือนข้างหน้า ไม่ถูกกระทบจาก US tariff และเตรียมปรับขึ้นราคาขาย 5-10% ตามคู่แข่งที่ปรับขึ้นไปแล้ว รวมถึงเตรียมขยายกำลังการผลิตรองรับ demand จำนวนมากจากหลายบริษัทที่ทยอยกลับเข้าไปลงทุนในสหรัฐ หุ้นมี PBV เพียง 0.7x PE เพียง 7.6x
– CPN (เมย์แบงก์) สะสมหุ้น Undervalue คาดกำไร H2/68 ฟื้น +11%HoH โดยเฉพาะไตรมาส 4 จากการเปิดศูนย์การค้า Central Park (มีสัญญาเช่าล่วงหน้า 90% ของพื้นที่ 80,000 ตร.ม.) และการโอนคอนโดหนุนผลประกอบการ ณ ราคาปัจจุบันซื้อขาย PE ปี 68 ที่ 12.9 เท่า (-1.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) พร้อมกับอัตราเงินปันผล 4.6% คาดกำไรปี 69-70 เติบโตต่อเนื่อง 6-13% ตามพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น
– SGC (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 1.09 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/68 ที่ 104 ล้านบาท (+46.6%q-q, +174%y-y) ขยายตัว q-q เป็นไตรมาสที่ 6 ติดต่อกัน ดีกว่าคาด 5.1% หนุนจากสินเชื่อ Lock phone ขยายตัวดี +19.5%q-q ขณะที่ NPL คุมได้ตามแผนที่ 2.2% และตั้งสำรอง ECL ต่ำคาด คาดแนวโน้มของผลประกอบการในช่วงถัดไปยังขยายตัวต่อ ตามการขยายพอร์ตสินเชื่อ Lock phone
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 68)