
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.48 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อยจากปิดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 32.43 บาท/ดอลลาร์
โดยตั้งแต่คืนวันศุกร์เงินบาท (USDTHB) อ่อนค่าลงเล็กน้อยในลักษณะ Sideways Up ตามจังหวะการรีบาวด์ขึ้นบ้างของเงิน ดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงของราคาทองคำ
ปัจจัยในประเทศวันนี้ ตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 จากสภาพัฒน์ และช่วงปลาย เดือนกระทรวงพาณิชย์จะรายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) เดือนก.ค. ซึ่งอาจเริ่มสะท้อนผลกระทบของ นโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่ชัดเจนขึ้น
ส่วนปัจจัยต่างประเทควรรอติดตาม รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากฝั่งสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น พร้อมรอติดตาม ถ้อยแถลง ของประธานเฟด ในงาน Jackson Hole Symposium
สำหรับแนวโน้มเงินบาท ยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way risk (เคลื่อนไหวได้ทั้งด้านอ่อนค่าและแข็งค่า) ตามการปรับ เปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด โดยล่าสุด ตลาดได้ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ย 3 ครั้งของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้มาพอสมควร (โอกาสมีเพียง 19%) ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวของทั้งเงินหยวนจีน (CNY) และราคาทองคำ จะเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเงินบาทพอสมควร เนื่องจากทั้งสองสินทรัพย์เคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาทมาก
นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ อยู่ที่ระดับ 32.35-32.55 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.45 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 146.87 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.170 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1684 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.429 บาท/ดอลาลาร์
- สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2/68 และคาด การณ์แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ซึ่งต้องติดตามว่า หลังจากมีความชัดเจนเรื่องภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐที่ไทยถูก เรียกเก็บในอัตรา 19% แล้วนั้น สภาพัฒน์จะประเมินทิศทางการส่งออกไทยในปีนี้อย่างไร และจะส่งผลต่อการเติบโตของ GDP ปีนี้ ให้ เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยมองไว้ที่กรอบ 1.3-2.3% หรือไม่
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะประกาศอัตราภาษีนำเข้าสินค้าใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ใน สัปดาห์หน้า หรือสัปดาห์ถัดไป พร้อมทั้งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมกับเหล็กนำเข้า
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กำลังหารือกันเพื่อจัดทำข้อตกลงทางการค้าที่อาจช่วย บรรเทาความตึงเครียดและลดภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างสองประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม หากทรัมป์ใช้ มาตรการลงโทษอย่างเต็มรูปแบบ จีนอาจกลายเป็นเป้าหมายสำคัญรองจากรัสเซีย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนที่กำลังเผชิญภาวะ ชะลอตัว
- ตลาดยังรอดูการประชุม Jackson Hole ในวันที่ 21-23 ส.ค. เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายของธนาคารกลาง สหรัฐฯ (เฟด) ต่อไป โดยสัญญาณความอ่อนแอในตลาดแรงงานสหรัฐฯ ผนวกกับแรงกดดันเงินเฟ้อจากภาษีนำเข้า อาจสร้างความลำบาก ให้กับเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกให้สัมภาษณ์หลังการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แสดงถึงยอดค้า ปลีกที่สูงกว่าคาด และราคาค้าส่งที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในเดือนที่ผ่านมาว่า ยังคงสนับสนุนการเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินตั้งแต่เดือน หน้า
- นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดยังคงคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และนักลงทุนเริ่มหันไปสนใจการ เจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินที่รัฐอะแลสกา
- นักลงทุนจับตาบรรดาผู้นำยุโรปและประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งจะพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาววันนี้ หลังการเจรจาระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำไร้ข้อตกลงเกี่ยวกับการยุติ สงครามในยูเครน
- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการ อนุญาตก่อสร้างเดือนก.ค., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 29-30 ก.ค.68, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้น และภาคบริการขั้นต้น เดือนส.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ค.จาก Conference Board
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 68)