จีนส่งผู้แทนการค้าเยือนสหรัฐฯ สัปดาห์นี้ เริ่มเจรจารอบใหม่-มุ่งหาทางออกข้อพิพาทการค้า

ในสัปดาห์นี้ หลี่ เฉิงกัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีนและอดีตผู้แทนประจำองค์การการค้าโลก เตรียมเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อหารือกับ เจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ, เจ้าหน้าที่ระดับสูงกระทรวงการคลัง และภาคธุรกิจอเมริกัน โดยแหล่งข่าวเปิดเผยว่า หลี่ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นนักเจรจาที่แข็งกร้าวแต่มีประสิทธิภาพ จะหยิบยกประเด็นการซื้อถั่วเหลืองมาหารือ ขณะที่จีนยังคงยืนยันให้สหรัฐฯ ยกเลิกภาษี 20% ที่เชื่อมโยงกับการค้ายาเฟนทานิล ก่อนจะตกลงซื้อสินค้าสำคัญอย่างถั่วเหลืองหรือเครื่องบินโบอิ้ง อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่ได้เสนอมาตรการที่สหรัฐฯ เห็นว่าเพียงพอต่อการควบคุมการลักลอบส่งออกสารตั้งต้นเฟนทานิล

ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงดำเนินต่อไป แม้มีการขยายเวลาการพักรบด้านภาษีออกไปจนถึงต้นเดือนพ.ย. โดยเมื่อต้นเดือนนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เรียกร้องให้จีนเพิ่มการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งซื้อจากผลผลิตใหม่ที่กำลังจะเริ่มเก็บเกี่ยวในเดือนก.ย. ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ก็เตรียมเพิ่มความเข้มงวดต่อการนำเข้าสินค้าจากจีนในกลุ่มเหล็ก ทองแดง และลิเทียม เพื่อบังคับใช้มาตรการห้ามสินค้าที่เชื่อว่าผลิตด้วยแรงงานบังคับจากซินเจียง และเพื่อลดการขาดดุลการค้าตามเป้าหมายของทรัมป์

การเดินทางของหลี่เกิดขึ้นหลังจากสองประเทศบรรลุข้อตกลงเลื่อนการขึ้นภาษีและผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการส่งออกสินค้าสำคัญ เช่น แม่เหล็กแร่หายากจากจีนและสินค้าเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ โดยท่าทีของรัฐบาลทรัมป์ต่อจีนก็ปรับเปลี่ยนเป็นเชิงบวกมากขึ้น โดยมุ่งหวังให้เกิดข้อตกลงเศรษฐกิจที่จะเปิดตลาดจีนให้ธุรกิจและเทคโนโลยีอเมริกันมากขึ้น อีกทั้งยังมีการหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดการประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน

ระหว่างการพบปะกับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ อี แจ-มยอง ที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ระบุว่า อาจเดินทางไปจีนภายในปีนี้หรือไม่นานหลังจากนั้น พร้อมกล่าวย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดี

นอกจากประเด็นการซื้อถั่วเหลืองแล้ว หลี่ยังคาดว่าจะผลักดันให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการขายเทคโนโลยีให้จีน แม้ยังไม่มีการหารือโดยตรงกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลการส่งออก ขณะที่การตัดสินใจของสหรัฐฯ เมื่อเดือนก.ค. ที่ผ่านมาในการยกเลิกการห้ามขายชิป H20 ของอินวิเดียให้จีน ได้จุดชนวนข้อถกเถียงในกรุงวอชิงตันว่าควรสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางธุรกิจของบริษัทอเมริกันกับความมั่นคงแห่งชาติอย่างไร

บรรดาผู้บริหารธุรกิจสหรัฐฯ มองว่า การเจรจาโดยตรงระหว่างสองประเทศมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหานโยบายเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของจีน ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าสร้างความบิดเบือนต่อการค้าโลกและการแข่งขันที่เป็นธรรม โดยสภาธุรกิจสหรัฐฯ-จีนในฐานะตัวแทนบริษัทอเมริกันกว่า 270 แห่งมองว่า การเจรจาครั้งนี้อาจเปิดช่องให้เกิดความคืบหน้าในประเด็นที่กว้างขวางเกินกว่าภาษีและการควบคุมการส่งออก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ส.ค. 68)