Power of The Act: หาก Data Center จะเช่าแผงโซลาร์เซลล์มาผลิตไฟฟ้าสะอาดเพื่อฝึก AI

เมื่อเราอยู่ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มีบทบาทต่อการดำรงชีวิตมากขึ้น การทำธุรกรรมและการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คนนั้นเลี่ยงได้ยาก (ขึ้น) ที่จะไม่ได้รับอิทธิพลจากการที่มี AI มาเกี่ยวข้อง เราอาจได้แผนการท่องเที่ยวที่ AI วางแผนแนะนำว่าเราควรไปชมวิวทิวทัศน์ที่ใด ใช้เวลา ณ จุดที่แนะนำเป็นเวลากี่ชั่วโมง ช่วงเวลาที่ไปเที่ยวฝนจะตกหรือไม่ ควรแวะกินอาหารที่ร้านใด หากเราอยากเขียนบรรยายความสนุกของการท่องเที่ยวครั้งนี้ด้วยสำนวนของวิลเลียมม์ เช็คสเปียร์ AI ก็ยังสามารถช่วยเขียนหรือปรับข้อความของเราให้เป็นสำนวนของเช็คสเปียร์ได้

อย่างไรก็ตาม AI ที่มีความสามารถดังกล่าวต้องได้รับ “การฝึกฝน” และเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีการประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล กิจกรรมเหล่านี้จะต้องอาศัย Data Center ซึ่งเรียกได้ว่าทำหน้าที่เป็น “โรงฝึก” ของ AI ซึ่งการทำงานของ Data Center นั้นใช้พลังงานมหาศาลและก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีนัยสำคัญ

แล้วจะเป็นไปได้หรือไม่ หากเราอยากมี Data Center ที่ไว้ฝึก AI โดยใช้ไฟฟ้าสะอาดที่ผลิตเอง ใช้เอง เป็นเจ้าของเอง ลดการใช้ไฟฟ้าจากระบบโครงข่ายที่ยังมีไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลปะปนมาจนแยกไม่ออก บทความนี้จะวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่ Data Center จะทำสัญญา “เช่า” แผงโซลาร์เซลล์มาเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองภายใต้ระบบกฎหมายไทย

 

คาร์บอนฟุตปริ้นของ Data Center

 

หนังสือ “Artificial Intelligence: How Machine Learning Will Shape The Next Decade” เขียนโดยแมตต์ เบอร์เจส อธิบายว่า AI นั้นใช้ไฟฟ้าปริมาณ “มหาศาล” และ Data Center ที่ถูกใช้เพื่อเป็นโรงฝึก AI นั้นก่อผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการตรวจสอบข้อมูลเมื่อปี 2022 Data Center ทั่วโลกใช้พลังงานไฟฟ้ารวมกันกว่า 460 เทราวัตต์-ชั่วโมง (TWh) ใกล้เคียงกับทั้งประเทศฝรั่งเศส และคาดว่าจะพุ่งแตะ 945 TWh ในปี 2030 หรือเทียบเท่าประเทศญี่ปุ่นทั้งประเทศ (IEA, 2024; MIT, 2025)

จากข้อมูลของ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ในปี 2024 ค่าเฉลี่ยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยไฟฟ้า (Carbon Intensity) ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 445 กรัม CO2 เทียบเท่าต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง (g CO2) ดังนั้น การใช้พลังงานไฟฟ้าขนาด 945 TWh จะมีค่า Carbon Footprint เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขนาด 420,025,000 ตัน CO2 เลยทีเดียว

การฝึกโมเดลยักษ์อย่าง GPT-3 ถูกประเมินว่าอาจใช้พลังงานไฟฟ้ามากถึง 1,287 เมกะวัตต์-ชั่วโมง เทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กว่า 552 ตัน หรือเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าหนึ่งปีของครัวเรือนในสหรัฐฯ กว่า 120 หลังคาเรือน (MIT, 2025) ส่วนโมเดล BLOOM ก็สร้างร่องรอยการปล่อยก๊าซคาร์บอนราว 24.7–50.5 ตัน CO2 (Luccioni et al., 2022) สะท้อนว่าการสร้างสมองกลอัจฉริยะหนึ่งครั้งไม่ได้แลกมาด้วยแค่ค่าไฟ แต่ยังหมายถึงภาระสิ่งแวดล้อมที่ยากจะมองข้าม

ในระดับองค์กร สหประชาชาติรายงานว่าระหว่างปี 2020–2023 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Microsoft, Alphabet และ Meta เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 150% โดย Amazon พุ่งสูงสุดที่ 182% (Reuters, 2025) นั่นแสดงให้เห็นว่า การขยายตัวของ AI ไม่ได้เพียงสร้างมูลค่าทางธุรกิจ แต่ยังเร่งแรงกดดันต่อระบบพลังงานและสภาพภูมิอากาศโลกอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นแล้ว ระบบพลังงานควรถูกพัฒนาให้มีศักยภาพมากพอที่จะจ่ายไฟฟ้าสะอาดให้กับ Data Center เพื่อให้ AI ที่ถูกฝึกสอนนั้นก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง

แต่ Data Center มีทางเลือกที่จะใช้ไฟฟ้าสะอาดหรือไม่? คำถามข้อนี้จะต้องถูกตอบด้วยโครงสร้างกิจการไฟฟ้าของประเทศที่ Data Center นั้นตั้งอยู่

ในทางเทคนิค หากไฟฟ้าในระบบโครงข่ายยังคงถูกหล่อเลี้ยงโดยไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นหลัก Data Center ที่ใช้ไฟฟ้าจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าย่อมไม่มีทางเลือกในการรับเอาไฟฟ้าดังกล่าวมาใช้ แต่หากจะซื้อไฟฟ้าที่ผลิตโดยโครงการพลังงานหมุนเวียนโดยผู้ประกอบกิจการเอกชนอื่นก็ยังอาจติดขัดปัญหาในการขอใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าของเจ้าของระบบที่จะรับผิดชอบในการส่งผ่านไฟฟ้าสะอาดจากที่ผลิตมายัง Data Center หรือ Data Center จำเป็นต้องลงทุนจัดหาระบบผลิตไฟฟ้าเพื่อตั้งในสถานที่ประกอบการของตนเสมอไป?

Data Center มีทางเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากระบบผลิตไฟฟ้าสะอาดเช่น ระบบผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์โดยไม่ต้องลงทุนซื้อระบบดังกล่าวมาเป็นกรรมสิทธิ์ของตนโดยทำสัญญาเช่าแผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมาผลิตไฟฟ้าใช้เองเพื่อฝึก AI ด้วยพลังงานสะอาด

 

วัตถุประสงค์และสาระสำคัญของสัญญาเช่า

 

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ปพพ.) มาตรา 537 “สัญญาเช่าทรัพย์สิน” คือ “สัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่า ผู้ให้เช่า ตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่า ผู้เช่า ได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในทรัพย์สินอย่างใดอย่างหนึ่งชั่วระยะเวลาอันมีจำกัด และผู้เช่าตกลงจะให้ค่าเช่าเพื่อการนั้น” ดังนั้นแล้วกล่าวได้ว่าประโยชน์ที่ผู้เช่าจะได้รับจากสัญญาเช่าทรัพย์สินคือ การได้ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่าตามระยะเวลาที่ตกลงกันแลกกับการจ่ายค่าตอบแทนคือเงินที่จ่ายเพื่อการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินที่เช่า

ระบบผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ ระบบการจ่ายไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องย่อมนับรวมกันเป็น “ทรัพย์สินที่ให้เช่า” ตามสัญญาเช่าได้ บริษัท Data Center สามารถรับมอบทรัพย์สินที่เช่าเหล่านี้เพื่อใช้ประโยชน์ในการผลิตไฟฟ้าบนหลังคาของอาคารหรือพื้นที่ในที่ดินของตัว Data Center ได้ โดยไฟฟ้าที่ได้จากการผลิตก็จะถูกนำมาใช้หล่อเลี้ยงตัว Data Center เรียกได้ว่าเป็นการผลิตไฟฟ้าใช้เองไม่มีการขายไฟฟ้าเหล่านี้คืนเข้าระบบโครงข่ายไฟฟ้า เรียกได้ว่าเป็นการเช่าระบบผลิตไฟฟ้ามาผลิตไฟฟ้าใช้เอง

ตามสัญญาเช่านี้ บริษัท Data Center ไม่ได้ซื้อทรัพย์สินใดจากผู้ให้เช่าและที่สำคัญคือไม่ได้ซื้อไฟฟ้าจากผู้ให้เช่า ตัวบริษัท Data Center จะเป็นผู้ลงมือผลิตไฟฟ้าเองโดยอาศัยการครอบครองแผงโซลาร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้เช่ามา ค่าตอบแทนที่จ่ายให้ผู้ให้เช่านั้นมิได้จ่ายเพื่อตอบแทนหน่วยไฟฟ้าที่ได้จากการผลิตแต่เป็นค่าใช้ทรัพย์สินคือทรัพย์สินที่เช่า

ตามสัญญาเช่านี้ ผู้ให้เช่าอาจถูกกำหนดให้ดำเนินการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องตามจุดที่กำหนดเช่นต้องติดตั้งบนหลังคาของอาคารและอาจมีการทดสอบการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้ แต่ผู้ให้เช่าจะไม่ได้เป็นผู้ใช้งานระบบผลิตไฟฟ้าที่ส่งมอบ ดังนั้นแล้ว ค่าตอบแทนที่ได้รับจากสัญญาเช่าจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของค่าเช่าที่ให้ฝั่งบริษัท Data Center ใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน ไม่ใช่ต้นทุนจากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า

เมื่อแผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอยู่ในความครอบครองและใช้ประโยชน์โดยบริษัท Data Center แล้ว คู่สัญญาอาจตกลงกันให้บริษัท Data Center ต้องใช้งานทรัพย์สินเหล่านี้ด้วยความระมัดระวังและกำหนดมาตรฐานของการใช้งานเอาไว้ให้ชัดเจนว่าสิ่งใดต้องทำสิ่งใดห้ามทำ แต่อาจตกลงกันให้ฝั่งผู้ให้เช่ามีหน้าที่เข้ามาตรวจสอบการทำงานและบำรุงรักษาแผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องตลอดอายุของสัญญาเช่าโดยผู้เช่าไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ เพิ่มเติม

 

ต้องขอรับใบอนุญาตประกอบหรือไม่?

 

ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 47 การประกอบกิจการพลังงานไม่ว่ามีค่าตอบแทนหรือไม่ จะต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงานจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เมื่อกิจการผลิตไฟฟ้าเป็นการประกอบกิจการพลังงานประเภทหนึ่ง

ดังนั้น โดยหลักแล้วการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องที่เช่ามาย่อมส่งผลให้บริษัท Data Center กลายเป็นบุคคลที่จะต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า เว้นแต่จะเป็นกรณีที่ระบบผลิตนั้นมีขนาดต่ำกว่าหนึ่งพันกิโลโวลต์แอมแปร์ โดยกรณีหลังนี้ บริษัท Data Center จะต้องแจ้งการประกอบกิจการต่อสำนักงาน กกพ.

ในส่วนของของการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์นั้นจะเกี่ยวข้องกับการดัดแปลงอาคาร ซึ่งตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 48 นั้นกำหนดให้ กกพ. มีอำนาจอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 65 (พ.ศ. 2558) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 กำหนดว่า “การติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารอยู่อาศัยที่มีขนาดพื้นที่ติดตั้งไม่เกิน 160 ตารางเมตร และมีน้ำหนักรวมไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อตารางเมตรโดยต้องมีผลการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงที่กระทำและรับรองโดยวิศวกรโยธาตามกฎหมายว่าด้วยวิศวกรว่าสามารถติดตั้งได้อย่างปลอดภัย และแจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบก่อนดำเนินการ” ไม่ถือเป็นการดัดแปลงอาคาร

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 แก้ไขให้อาคารที่ไม่ใช่อาคารอยู่อาศัย เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า สามารถติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อตารางเมตร เนื่องจากการแก้ไขให้สามารถติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ได้ไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อตารางเมตร จะไม่เป็นการเพิ่มน้ำหนักหรือส่งผลกระทบกับโครงสร้างของหลังคา ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนในทางปฏิบัติที่อาจสร้างภาระเกินความจำเป็นให้แก่เจ้าของอาคาร

 

การเช่าที่อำพรางการขายไฟฟ้า?

 

เป็นไปได้หรือไม่ที่โดยแท้จริงแล้วสัญญาเช่าแผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องนั้น “อำพราง” สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างเอกชน? หากตัวสัญญาที่ Data Center ลงนามกับผู้ให้เช่านั้นกำหนดหน้าที่ซึ่งทำให้แปลความได้อย่างชัดเจนว่าผู้ให้เช่ามีหน้าที่ให้บริการใช้ระบบผลิตและต้องส่งมอบไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้กับ Data Center โดยค่าตอบแทนที่ผู้ให้เช่าได้นั้นจะแปรผันไปตามปริมาณไฟฟ้าที่จ่ายให้ Data Center ได้ ไม่ได้เป็นค่าตอบแทนจากการใช้ทรัพย์สินโดยตรง แล้วก็เป็นไปได้ที่จะเรียกได้ว่าเป็นการทำสัญญาเช่าแผงโซลาร์เซลล์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องมาอำพรางสัญญาซื้อขายไฟฟ้า

อาจเป็นไปได้ที่บริษัท Data Center และผู้ให้เช่านั้นไม่ได้ประสงค์จะสร้างสถานะความเป็นผู้ให้เช่ากับผู้เช่ากันอย่างแท้จริง แต่มีเจตนาลวงให้บุคคลอื่นเข้าใจว่าเป็นการเช่า แท้ที่จริงต้องการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตามมาตรา 155 วรรคหนึ่งแห่ง ปพพ. การแสดงเจตนาดังกล่าวของ บริษัท Data Center และผู้ให้เช่าเพื่อทำสัญญาเช่าจึงตกเป็นโมฆะ ส่วนสิ่งที่คู่สัญญาต้องการจะผูกพันกันจริงแต่กลับ “ปกปิด” เอาไว้คือสัญญาซื้อขายไฟฟ้านั้นจะต้องถูกนำมาบังคับ เนื่องจากมาตรา 155 วรรคสอง แห่ง ปพพ. บัญญัติว่า “ถ้าการแสดงเจตนาลวงตามวรรคหนึ่งทำขึ้นเพื่ออำพรางนิติกรรมอื่น ให้นำบทบัญญัติของกฎหมายอันเกี่ยวกับนิติกรรมที่ถูกอำพรางมาใช้บังคับ” หมายความว่าแม้ “ข้อความตามสัญญา” จะเรียกว่าเป็นสัญญาเช่าแต่สิ่งที่ทำลงนั้นในสายตาของกฎหมายแล้วถือเป็นสัญญาซื้อขาย

หากเป็นการทำสัญญาเช่าอำพรางการซื้อขายไฟฟ้าแล้ว บริษัท Data Center จะไม่มีสถานะเป็นผู้เช่าและไม่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าที่ซื้อไฟฟ้าแทน ส่วนผู้ให้เช่าย่อมมีสถานะเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่เป็นผู้ขายไฟฟ้าให้กับบริษัท Data Center

เมื่อมีสถานะเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าแล้ว คนที่เรียกตัวเองตามสัญญาเช่าว่า “ผู้ให้เช่า” จะมีสถานะเป็นบุคคลที่จะต้องขออนุญาตผลิตไฟฟ้าจาก กกพ. ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 47 หากไม่ขออนุญาตจะเป็นกรณีที่บุคคลคนนี้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าโดยฝ่าฝืนมาตรา 47 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสิบล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 มาตรา 133 และหากปรากฎว่า บริษัท Data Center “ตั้งใจ” ที่จะเลี่ยงการปฏิบัติพระราชบัญญัติการประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550 ก็อาจกลายเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดตามมาตรา 133 ของผู้ผลิตไฟฟ้าได้

โดยสรุปแล้ว สัญญาเช่าแผงโซลาร์เซลล์ที่บริษัท Data Center เช่ามาเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เพื่อฝึก AI ด้วยพลังงานสะอาดเองนั้น “มีได้” ในระบบกฎหมายไทย โดยที่ Data Center นั้นสามารถเช่าระบบผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์ ระบบการจ่ายไฟฟ้า และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจากผู้ให้เช่าได้โดยจ่ายค่าตอบแทนจากการใช้ทรัพย์สินเหล่านี้ และขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้าจาก กกพ. โดยไม่จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบโครงข่ายไฟฟ้าและไม่ขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้า แต่จะต้องระมัดระวังในการร่างและจัดทำสัญญาเช่าทรัพย์สินนี้มิให้กลายเป็นสัญญาที่อำพรางสัญญาซื้อขายไฟฟ้าไปได้

ผศ.ดร.ปิติ เอี่ยมจำรูญลาภ ผู้อำนวยการหลักสูตร LL.M. (Business Law)

หลักสูตรนานาชาติ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ก.ย. 68)