เงินบาทเปิด 32.33 แข็งค่าสวนทางภูมิภาค เกาะติดการเมืองในประเทศ

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.33 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 32.38 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้แข็งค่าเล็กน้อยเทียบกับท้ายตลาด โดยเคลื่อนไหวสวนทางกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่อ่อนค่า เนื่องจากวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 ส.ค. 68) ราคาทองในตลาดโลกปรับขึ้นค่อนข้างเยอะ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เงินบาทปรับตัวแข็งค่า

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในช่วงนี้ คือสถานการณ์การเมืองในประเทศ

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.20 – 32.40 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 147.28 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 146.90 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1690 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1680 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.331 บาท/ดอลลาร์
  • “นักเศรษฐศาสตร์” เตือนตั้ง รัฐบาลล่าช้า กระทบต่อการเบิกจ่ายงบปี 69 ฉุด “เศรษฐกิจดิ่งแรง” เสี่ยงถูกหั่นเครดิตเรตติ้ง “ไพบูลย์ นรินทรากูร” ชี้หุ้นไทยรอความชัดเจน จัดตั้งรัฐบาลใหม่สัปดาห์นี้ คาด “ชัยเกษม” ตัวเลือกนายกฯ ขัดตาทัพ เร่งทำผลงานท่ามกลางแรงกดดันยุบสภาฯ “บล.กสิกรไทย” มองดัชนีฯ ผันผวนระยะสั้น แนวรับ 1,190 จุด แนวต้าน 1,275 จุด ลุ้นฟันด์โฟลว์รอจังหวะเฟดลดดอกเบี้ย
  • “หอการค้า” เร่งฝ่ายการเมือง ตั้งรัฐบาลเร็วสุด หวังได้ผู้เชี่ยวชาญร่วมทีมเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นต่างชาติ สรท.หวังรัฐบาลใหม่เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ “สมาพันธ์เอสเอ็มอี” ชี้ ได้เวลารีเซ็ตเพื่อรีสตาร์ต ส.อ.ท.ห่วงตั้งรัฐบาลล่าช้ากระทบเศรษฐกิจ
  • ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ ครม.เปลี่ยนใหม่ ฉุดบิ๊กโปรเจ็กต์สะดุดทั้งไฮสปีด 3 สนามบินและรถไฟฟ้า 20 บาท สมาคมรับเหมาผวายุบสภาทำงบ’69 ล่าช้า
  • การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ล่าช้า เนื่องจากคำร้องของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ให้ญี่ปุ่นเพิ่มการซื้อข้าวจากสหรัฐฯ ซึ่งญี่ปุ่นแสดงการคัดค้านอย่างรุนแรงต่อเงื่อนไขดังกล่าว
  • ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มีคำตัดสินเมื่อวันศุกร์ (29 ส.ค.) ว่า มาตรการเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์นั้น ส่วนใหญ่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากทรัมป์ใช้อำนาจประธานาธิบดีเกินขอบเขตในการประกาศเก็บภาษี แต่ศาลอนุญาตให้มาตรการภาษียังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป พร้อมทั้งส่งคดีกลับไปยังศาลชั้นต้นเพื่อพิจารณาเพิ่มเติม
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสนับสนุนแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16–17 ก.ย. โดยตลาดเงินประเมินโอกาสการลดดอกเบี้ยไว้ที่ 87% เพิ่มขึ้นจาก 63% เมื่อเดือนก่อน ตามข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME
  • นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ค.ที่ออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
  • FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87.2% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย.
  • ผู้ว่าการเฟดและเป็นหนึ่งในผู้ถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งประธานเฟดกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาต้องการที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับคำเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
  • ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนส.ค. จาก S&P Global, ดัชนีภาคการผลิตเดือนส.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค. จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค. จาก S&P Global, ดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค. เป็นต้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 68)