
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (4 ก.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมัน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกกังวลว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจตัดสินใจเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันอาทิตย์นี้
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 49 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 63.48 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 61 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 66.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ส.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.0 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ ตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของ EIA ยังออกมาสูงกว่าที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 622,000 บาร์เรล
สมาชิก 8 ชาติของกลุ่มโอเปกพลัส ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต โอมาน อิรัก คาซัคสถาน และแอลจีเรีย จะจัดการประชุมผ่านระบบออนไลน์ในวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย. เพื่อพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันสำหรับเดือนต.ค.
แหล่งข่าวจากกลุ่มโอเปกพลัสเปิดเผยว่า โอเปกพลัสอาจพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในการประชุมวันอาทิตย์นี้ เพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดน้ำมัน หลังจากที่โอเปกพลัสมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 547,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนก.ย. ในการประชุมครั้งหลังสุดเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านอื่น ๆ นั้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวกับบรรดาผู้นำชาติยุโรปเมื่อวานนี้ว่า ยุโรปต้องหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เพราะจะเป็นการช่วยให้รัสเซียมีเงินทุนในการทำสงครามกับยูเครน
ทั้งนี้ หากการส่งออกน้ำมันของรัสเซียปรับตัวลดลงก็อาจเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน โดยรัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับสองในปี 2567 รองจากสหรัฐฯ
ด้านสำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานรัสเซียว่า ขณะนี้บริษัทรอสเนฟท์ (Rosneft) ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ได้หันไปทำข้อตกลงจัดหาน้ำมันให้กับจีนผ่านทางคาซัคสถานในปริมาณ 2.5 ล้านเมตริกตัน/ปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ก.ย. 68)