
คณะลูกขุนศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้มีคำตัดสินเมื่อวันอังคาร (23 ก.ย.) ว่า ไรอัน รูธ วัย 59 ปี มีความผิดในข้อหาพยายามลอบสังหารโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะออกรอบที่สนามกอล์ฟในรัฐฟลอริดาเมื่อปี 2567 และข้อหาอื่น ๆ อีก 4 กระทง รวมทั้งความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน โดยผู้ต้องหาอาจต้องรับโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่เจ้าตัวเกิดอาการคลุ้มคลั่งพยายามใช้ปากกาแทงตัวเองหลังทราบคำตัดสิน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2567 ขณะที่ทรัมป์ ซึ่งดำรงตำแหน่งอดีตประธานาธิบดีและเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ในขณะนั้น กำลังเล่นกอล์ฟอยู่ที่สนามทรัมป์ อินเตอร์เนชั่นแนล กอล์ฟ คลับ ในเวสต์ปาล์มบีช โดยรูธได้แอบซุ่มอยู่ในพุ่มไม้และเล็งปืนไรเฟิลผ่านรั้วมายังสนาม อย่างไรก็ตาม แผนการล้มเหลวเมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดี (Secret Service) ที่ลาดตระเวนล่วงหน้าได้พบเห็นรูธและเปิดฉากยิงก่อน ทำให้เขาต้องหลบหนีไปโดยไม่ได้ลั่นไกแม้แต่นัดเดียว ก่อนจะถูกจับกุมได้ในที่สุดในวันเดียวกัน
จอห์น ชิปลีย์ อัยการผู้รับผิดชอบคดีกล่าวต่อศาลว่า “แผนการนี้ถูกวางมาอย่างรัดกุมและเอาจริงถึงขั้นหมายจะเอาชีวิต” พร้อมย้ำว่าหากเจ้าหน้าที่ซีเคร็ตเซอร์วิสไม่เข้าขัดขวางเสียก่อน “โดนัลด์ ทรัมป์ คงไม่มีชีวิตรอด”
บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีเป็นไปอย่างตึงเครียด โดยสื่อสหรัฐฯ รายงานว่า หลังจากผู้พิพากษาอ่านคำตัดสิน รูธได้พยายามใช้ปากกาแทงตัวเองหลายครั้งจนเจ้าหน้าที่ศาลต้องเข้าระงับเหตุ ขณะที่ลูกสาวของเขาตะโกนลั่นศาลว่าพ่อของเธอไม่ได้ทำร้ายใครและเธอจะหาทางช่วยเขาออกมาให้ได้
ด้านแพม บอนดี อัยการสูงสุดสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า “การที่ศาลตัดสินในวันนี้ว่า ไรอัน รูธ มีความผิดฐานพยายามลอบสังหารทรัมป์นั้น ถือเป็นการตอกย้ำจุดยืนของกระทรวงยุติธรรมที่จะเอาผิดกับทุกคนที่ใช้ความรุนแรงทางการเมือง การพยายามลอบสังหารครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การมุ่งร้ายต่อตัวประธานาธิบดี แต่ยังถือเป็นการหยามเกียรติของประเทศชาติเราด้วย”
ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความผ่านทรูธโซเชียล (Truth Social) ชื่นชมคำตัดสินของศาล โดยระบุว่า “นี่คือคนชั่วที่เจตนาก็ชั่ว และก็ถูกจับจนได้”
คดีนี้ได้รับความสนใจอย่างสูง เนื่องจากเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความรุนแรงทางการเมืองในสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยก่อนหน้านี้ ชาร์ลี เคิร์ก นักเคลื่อนไหวฝ่ายอนุรักษนิยมเพิ่งถูกลอบสังหาร ขณะที่ตัวทรัมป์เองก็เคยตกเป็นเป้าหมายในการลอบสังหารถึงสองครั้งระหว่างการหาเสียงในปี 2567 ซึ่งครั้งหนึ่งทำให้เขาบาดเจ็บที่ใบหู นอกจากนี้ นักการเมืองฝั่งเดโมแครตก็ตกเป็นเป้าหมายเช่นกัน
เป็นที่น่าสังเกตว่า รูธตัดสินใจไล่ทนายความออกและว่าความให้ตัวเองในชั้นศาล โดยพยายามแก้ต่างว่าตนเป็นคนอ่อนโยนและไม่นิยมความรุนแรง แต่คำให้การของเขาวกวนจนถูกผู้พิพากษาสั่งให้หยุด ขณะที่ฝ่ายอัยการได้นำพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นให้การพร้อมหลักฐานมัดตัวแน่นหนา แต่รูธกลับแทบไม่ได้ซักค้านโต้แย้งแต่อย่างใด
จากการสืบสวนของอัยการพบว่า รูธเดินทางมาถึงเซาท์ฟลอริดาล่วงหน้ากว่า 1 เดือนก่อนก่อเหตุ โดยพักอาศัยตามจุดพักรถบรรทุกเพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของทรัมป์ เขามีโทรศัพท์มือถือถึง 6 เครื่องและใช้ชื่อปลอมเพื่ออำพรางตัว ในวันเกิดเหตุ เขาซุ่มรอในพุ่มไม้เป็นเวลานานเกือบ 10 ชั่วโมง โดยในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบปืนไรเฟิลแบบ SKS กระเป๋า 2 ใบที่บรรจุแผ่นโลหะสำหรับทำเสื้อเกราะ และกล้องวิดีโอขนาดเล็กที่หันไปยังสนามกอล์ฟ
สำหรับประวัติของรูธ เขาเคยเป็นผู้รับเหมาทำหลังคาและเคยเดินทางไปร่วมขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในไต้หวันและยูเครน โดยลูกสาวของเขาเปิดเผยว่า พ่อของเธอมีนิสัยชอบทำอะไรที่ยิ่งใหญ่เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เขาคิดว่าอ่อนแอ แต่แผนการเหล่านั้นมักล้มเหลวในทางปฏิบัติเสมอ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 68)