เซเลนสกีชี้ ทรัมป์อาจเป็นคนกล่อม “สี จิ้นผิง” ให้เปลี่ยนจุดยืนเรื่องหนุนรัสเซียได้

เมื่อวันอังคาร (23 ก.ย.) ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ อาจเป็นบุคคลสำคัญที่สามารถโน้มน้าวให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เปลี่ยนจุดยืนเกี่ยวกับสงครามในยูเครนได้ หลังจากที่ผู้นำทั้งสองได้พบปะหารือนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA)

“ผมเชื่อว่าปธน.ทรัมป์สามารถเปลี่ยนทัศนคติของปธน.สี จิ้นผิง ที่มีต่อสงครามครั้งนี้ได้ เพราะเรารู้สึกว่าจีนไม่ได้มีท่าทีที่อยากให้สงครามนี้ยุติลง” ปธน.เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Special Report” ของสถานีข่าวฟ็อกซ์นิวส์

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ ชี้เป้ามาโดยตลอดว่า จีนและอินเดียเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สงครามยืดเยื้อ จากการที่ยังคงซื้อน้ำมันจากรัสเซียอย่างต่อเนื่อง โดยแหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ปธน.ทรัมป์ได้เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ใช้มาตรการกำแพงภาษี 100% กับสินค้าจีน เพื่อกดดันให้ปักกิ่งยุติการซื้อน้ำมันจากรัสเซีย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ใช้มาตรการเดียวกันกับอินเดียด้วย

หาก EU ดำเนินการตามข้อเรียกร้องนี้ จะถือเป็นการเปลี่ยนยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญ จากเดิมที่เน้นใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อโดดเดี่ยวรัสเซีย มาเป็นการใช้เครื่องมือทางภาษีเพื่อกดดันประเทศที่สาม

อย่างไรก็ดี แม้สหรัฐฯ จะแสดงความไม่พอใจต่อบทบาทของทั้งสองชาติ ปธน.เซเลนสกีกลับมองว่า อินเดีย “ส่วนใหญ่แล้วยังอยู่เคียงข้างยูเครน” พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า ปธน.ทรัมป์และพันธมิตรยุโรปจะร่วมมือกันสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับอินเดีย เพื่อดึงให้อินเดียเปลี่ยนท่าทีต่อภาคพลังงานของรัสเซีย

“สำหรับจีนนั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่า เพราะในปัจจุบัน การสนับสนุนรัสเซียยังคงเป็นผลประโยชน์ของพวกเขา” ปธน.เซเลนสกีกล่าวเสริม

ด้านโฆษกสถานทูตจีนได้ออกมาปฏิเสธเมื่อวันอังคาร โดยยืนยันว่าจีนไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งในสงคราม และ “ไม่ได้ฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์จากสถานการณ์”

“นับตั้งแต่วันแรกที่เกิดวิกฤต จีนยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นกลางและยุติธรรมมาโดยตลอด พร้อมทั้งส่งเสริมสันติภาพและการเจรจา” หลิว เผิงยฺหวี่ โฆษกสถานทูตจีนระบุในแถลงการณ์ “เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นใน 3 หลักการ คือ ไม่ขยายสมรภูมิ ไม่ยกระดับการสู้รบ และไม่โหมกระพือไฟ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์และสร้างเงื่อนไขนำไปสู่การยุติปัญหาทางการเมือง”

ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์เองก็แสดงความผิดหวังที่ไม่สามารถผลักดันให้รัสเซียกับยูเครนยุติสงครามได้ แม้เวลาจะล่วงเลยมากว่า 3 ปีนับตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้น

ความไม่พอใจที่ปธน.ทรัมป์มีต่อปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ปรากฏชัดเจนในโพสต์บนทรูธโซเชียล (Truth Social) ซึ่งระบุว่ายูเครนสามารถยึดดินแดนทั้งหมดคืนได้หากได้รับการสนับสนุนจากยุโรป

“รัสเซียทำสงครามอย่างสะเปะสะปะมานานสามปีครึ่ง ซึ่งเป็นสงครามที่มหาอำนาจทางทหารที่แท้จริงควรจะเผด็จศึกได้ภายในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ นี่ไม่ใช่เรื่องน่าเชิดชูสำหรับรัสเซียเลย” ปธน.ทรัมป์ระบุ พร้อมเสริมว่า “ปูตินกับรัสเซียกำลังเผชิญปัญหาร้ายแรงทางเศรษฐกิจ”

ปธน.เซเลนสกีมองว่าความเห็นดังกล่าวของทรัมป์เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจและถือเป็นสัญญาณบวกที่บ่งชี้ว่า สหรัฐฯ จะสนับสนุนยูเครนไปจนกว่าสงครามจะสิ้นสุด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 68)