เงินบาทเปิด 32.22 แนวโน้มอ่อนค่า ตลาดจับตาตัวเลข PCE สหรัฐคืนนี้ คาดกรอบ 32.10-32.35

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.22 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากปิดวันก่อนที่ระดับ 32.13 บาท/ดอลลาร์

โดยตั้งแต่คืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงมากกว่าที่ประเมินไว้ สอดคล้องกับการทยอยแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ที่มา พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลง เนื่อง จากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดออกมาดีกว่าคาด

ปัจจัยสำคัญคืนนี้ ตลาดจะติดตามรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น อัตราเงินเฟ้อ (PCE) เดือนส.ค. และรอถ้อยแถลง ของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดอย่างใกล้ชิด

“การรับรู้ข้อมูลเศรษฐกิจและถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดนี้ อาจส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นใน ตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดได้” นานพูน ระบุ

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทนั้น โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทมีกำลังมากขึ้น และอาจกลับเข้าสู่แนวโน้มอ่อนค่าลงอย่าง น้อยในระยะสั้น หลังเงินบาททยอยอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้านแรกที่ 32.00 และอ่อนค่าลงต่อ จนทดสอบโซนแนวต้านถัดไป 32.30 บาท/ ดอลลาร์ ได้สำเร็จ แต่ทั้งนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทก็อาจถูกชะลอลงบ้าง ตามแรงขายเงินดอลลาร์ รวมถึงการปรับสถานะถือครองของผู้ เล่นในตลาดบางส่วน

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 32.10-32.35 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 149.77 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 148.78/79 เยน/ดอลลาร์ 
  • เงินยูโร ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.1671 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1745/1746 ดอลลาร์/ยูโร 
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.154 บาท/ดอลลาร์ 
  • “กรุงไทย” แนะจับตาผลกระทบจาก “สงครามการค้า” เอฟเฟกต์ต่อ “เศรษฐกิจไทย” โค้งท้ายปีนี้ หวัง “เอฟทีเอ” เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางการค้าและการลงทุนของไทย รวมทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงจากเทรดวอร์ คาดภาคส่งออกและภาค การนำเข้าของไทยยังสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์จากการใช้สิทธิ FTA ได้อีกกว่า 2 แสนล้าน 
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 218,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย 
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตร มาส 2/2568 ในวันนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 3.8% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที่ระดับ 3.0% และ 3.3% ตามลำดับ หลังจากหดตัว 0.5% ในไตรมาส 1/2568 ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 3 ปี 
  • สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและแรงงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ชะลอการปรับลด อัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม 
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเพียงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและแรง งานที่แข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม 
  • นักกลยุทธ์ด้านโลหะจากบริษัท Zaner Metals กล่าวว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ลดลงมากกว่าคาด ได้ทำให้นัก ลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม แต่ข้อมูลดังกล่าวยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนแปลงแนวโน้มโดยรวมของราคา ทองคำ 
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่น ผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน 
  • นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงใน พฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่ม ขึ้น 2.6% ในเดือนก.ค. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.9% ใน เดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% เช่นเดียวกันในเดือนก.ค. 
  • ตลาดจับตาความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะถูกชัตดาวน์ในช่วงสิ้นเดือนนี้ โดยล่าสุดมีรายงานว่าทำเนียบ ขาวมีคำสั่งให้หน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐบาลกลาง จัดทำแผนปลดพนักงานครั้งใหญ่ หากสมาชิกสภาคองเกรสไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับ งบประมาณจนนำไปสู่การชัตดาวน์ในช่วงสิ้นเดือนนี้ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นการเปลี่ยนแนวทาง จากเดิมที่ทำเพียงสั่งให้ พนักงานหยุดงานชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าจ้าง เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในการชัตดาวน์ครั้งก่อน ๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 68)