
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกทำสถิติสูงสุดในวันพุธ (1 ต.ค.) โดยหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์เป็นตัวนำหนุนตลาดหลังจากข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ และบริษัท Pfizer ได้ช่วยลดความไม่แน่นอนของหุ้นในกลุ่มนี้ ขณะที่นักลงทุนกำลังจับตาความเคลื่อนไหวจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 564.62 จุด เพิ่มขึ้น 6.44 จุด หรือ +1.15%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,966.95 จุด เพิ่มขึ้น 71.01 จุด หรือ +0.90%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,113.62 จุด เพิ่มขึ้น 232.90 จุด หรือ +0.98% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,446.43 จุด เพิ่มขึ้น 96.00 จุด หรือ +1.03%
ดัชนี STOXX ปรับตัวขึ้นรายวันที่มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. ขณะที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคก็เคลื่อนไหวในแดนบวก โดยดัชนี FTSE 100 ของลอนดอนปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์พุ่งขึ้น 5.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายวันที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2551 โดยก่อนหน้านี้ในวันอังคาร บริษัท Pfizer ได้ตกลงลดราคายาในโครงการ Medicaid ของสหรัฐฯ แลกกับการผ่อนปรนด้านภาษี
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า หุ้นกลุ่มนี้เผชิญความยากลำบากในช่วงปีที่ผ่านมา แต่เริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ในตลาด
หุ้นบริษัทยาอื่น ๆ เช่น Ambu พุ่งขึ้น 9.3%, Sartorius พุ่ง 9.5%, Merck พุ่ง 10%, Roche พุ่ง 8.6% และ AstraZeneca พุ่ง 11.2% ขณะที่ Novartis พุ่ง 3.9% หลังจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ อนุมัติยารับประทานสำหรับโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังบางชนิด
หุ้นทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเคลื่อนไหวในแดนบวก ยกเว้นกลุ่มท่องเที่ยวและนันทนาการที่ปรับตัวลง 0.4%
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ปิดหน่วยงานส่วนใหญ่เมื่อวันพุธ ซึ่งอาจทำให้การเปิดเผยรายงานการจ้างงานประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์ต้องหยุดชะงัก
การขาดข้อมูลดังกล่าวคาดว่าจะเพิ่มความผันผวนในตลาด และอาจกระทบต่อความสามารถของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในการประเมินภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น
ก่อนหน้านี้ รายงานการจ้างงานภาคเอกชนออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในเดือนต.ค.
นักเศรษฐศาสตร์รายหนึ่งกล่าวว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนต.ค. แต่เนื่องจากตลาดแรงงานมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของเฟด การขาดความชัดเจนด้านข้อมูลนี้จะทำให้งานของเฟดยากขึ้น
ในยุโรป ข้อมูลบ่งชี้ว่า กิจกรรมการผลิตในยูโรโซนกลับเข้าสู่ภาวะหดตัวในเดือนก.ย. ขณะที่เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นจากราคาบริการที่สูงขึ้นและการลดลงของต้นทุนพลังงานที่ชะลอตัวลง
ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรหดตัวเร็วที่สุดในรอบ 5 เดือน และมีการรายงานการลดลงเช่นกันจากฝรั่งเศสและเยอรมนี
ตลาดหุ้นสหราชอาณาจักรยังคงปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ แต่หุ้น Tate & Lyle ของลอนดอนร่วงลง 13% หลังจากผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารรายนี้เตือนว่ากำไรและรายได้ประจำปีจะลดลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 68)