
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (1 ต.ค.) และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกปิดดำเนินการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่อ่อนแอเกินคาดยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 24.3 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 3,897.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลงสู่ระดับ 97.706 และเป็นปัจจัยหนุนตลาด เนื่องจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นักลงทุนเดินหน้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ในวันพุธ ภายหลังจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณชั่วคราว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้พนักงานของรัฐบาลกลางหลายพันตำแหน่งตกอยู่ในความเสี่ยง
นอกจากนี้ การที่หน่วยงานของรัฐบาลถูกชัตดาวน์ยังอาจทำให้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ต้องเลื่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ออกไปจากกำหนดเดิมในวันศุกร์ที่ 3 ต.ค.
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่งหรือนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 52,000 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ADP ได้ปรับทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค.เป็นลดลง 3,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้นถึง 54,000 ตำแหน่ง
ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยล่าสุด FedWatch ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 99% ต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ต.ค. 68)