
วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกบทความ ตอบคำถามข้อข้องใจ 17 โบรกเกอร์ เรื่อง ธุรกรรม Short Sell ทุบตลาดหุ้น หรือ มีธุรกรรม Naked short sell เกลื่อนตลาดหุ้น ที่มีออกมาก่อนหน้านี้
พร้อมยกตัวอย่าง การกำกับดูแลการขายชอร์ตที่สำนักงาน ก.ล.ต.-ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ประสานความร่วมมือ เพิ่มความเข้มงวด และปิดช่องโหว่ ดังนี้
- การปรับปรุงคุณสมบัติหุ้นที่ short ได้ให้ “มีจำนวนน้อยลง” เหลือแค่หุ้นในกลุ่ม SET100 และเพิ่มเรื่องการคัดกรองในส่วนของการดูมาร์เก็ตแคปและสภาพคล่องประกอบใส่เข้ามาอีก
- การปรับปรุงการขายชอร์ต ต้องให้ราคาขายที่สูงกว่าราคาเทรด ณ ปัจจุบัน โดยใช้เกณฑ์ Uptick Rule กับหุ้นทุกตัวที่ขายชอร์ตได้ หลังจากมีการปรับปรุงเกณฑ์ดังกล่าว พบว่า “ปริมาณธุรกรรมการขายชอร์ตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ” แต่ก็ทำให้มีผลกระทบต่อ วอลุ่มเทรดรายวัน จึงได้ปรับปรุงให้ขายชอร์ตได้เฉพาะหุ้นในกลุ่ม SET100
- แก้ไขกฎหมายลงโทษ คนขายชอร์ต โดยไม่มีหุ้นในครอบครอง (Naked Short Selling) หลังจากที่มีการอ้างว่าสาเหตุที่หุ้นไทยลงเพราะมีการทำ Naked short อยู่ ดังนั้น สำนักงาน ก.ล.ต. จึงแก้กฎหมายและเพิ่มบทบัญญัติที่จะเพิ่มอำนาจการตรวจสอบการขายชอร์ตทุกรูปแบบ รวมถึงการจับผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ทันที
ล่าสุด ตลท.-ก.ล.ต. ได้รับข้อเสนอแนะเพิ่มการตรวจสอบการขายชอร์ตที่ร่วมกับการใช้ HFT (High Frequency Trading) โดยมีการชี้แจงรายละเอียด ดังนี้
1.ข้อเสนอการยกเลิกการยืมหุ้นแบบ locate
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จะรับคำสั่งขายชอร์ตจากลูกค้าที่ขอยืนยันแหล่งที่มาของการยืมหุ้นให้ชัดเจน และลูกค้าสามารถยืมหุ้นเพื่อส่งมอบตามคำสั่งขายชอร์ตได้ โดยการยืมหุ้นต้องมีผลทันทีเมื่อคำสั่งขายชอร์ตได้ถูก matching แล้ว และเป็นการป้องกันการ นำหุ้นไปวน หรือ ยืมไปขายชอร์ตเกินจำนวนหุ้นที่มีให้ยืม ทั้งหมดนี้ถือเป็นแนวทางปฏิบัติสากล (Best practice) อยู่แล้ว
ก.ล.ต.อยู่ระหว่างปรับปรุงประกาศให้ชัดเจนขึ้น “โดย บล. จะรับคำสั่งขายชอร์ตจากลูกค้าที่ขอยืนยันการ locate จาก บล.ได้เฉพาะเมื่อเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด”
2.ข้อเสนอให้การขายหุ้นที่ยืมมา เป็นการขายชอร์ตทุกครั้ง แม้ในระหว่างนั้นจะมีการซื้อคืนมา
โดย ก.ล.ต.มองว่า แนวทางที่เสนอดังกล่าว “ไม่สอดคล้อง กับการปฏิบัติตามที่กำหนดในกฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากผู้ลงทุนทั่วไป”
ก.ล.ต.มีความเห็นว่า “ไม่ว่าจะได้ขายชอร์ตไว้ก่อนแล้ว ลูกค้าย่อมมีสิทธิที่จะซื้อหุ้นและขายหุ้นที่ตนได้ซื้อออกไปในลักษณะ long sell”
3.ข้อเสนอให้ ตลท.ทบทวนการตรวจสอบธุรกรรมขายชอร์ต โดยการตรวจสอบจากเอกสารที่ยืนยันได้ แทนการตรวจแบบพันยอด
โดยเรื่องนี้ ทาง ตลท.ได้แจ้งการตรวจสอบให้ บล.ทราบในระหว่างการประชุมโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 เกี่ยวกับการพันยอดรายการซื้อขาย เพื่อหาว่ามีคำสั่งเสนอขายใดที่ไม่มีหุ้นในครอบครองก่อนนั้น
ทาง ก.ล.ต. ชี้แจงว่า การตรวจสอบดังกล่าว เป็นหนึ่งในการตรวจสอบหารายการต้องสงสัยตามปกติอยู่แล้ว และทาง ตลท.ยังมีวิธีการอื่นๆในการตรวจสอบการหาธุรกรรมที่ต้องสงสัยเพิ่มเติม ตามแต่สถานการณ์นั้นๆ
หากพบรายการต้องสงสัย มันเป็นหน้าที่ของโบรกเกอร์ที่จะต้องส่งหลักฐานภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งการส่งหลักฐาน รายการที่ต้องสงสัย เป็นแนวทางปฏิบัติการกำกับดูแลทั่วไปอยู่แล้ว ไม่มีอะไรน่ากังวล เพราะโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ปฏิบัติตามเกณฑ์อยู่แล้ว
จากที่เล่ามาทั้งหมด ก.ล.ต.-ตลท. ได้ร่วมกันปรับปรุง ปิดช่องโหว่ของธุรกรรมที่ไม่ปกติ ตรวจสอบให้รัดกุม เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาดทุนไทย
การสื่อสารเชิงรุกของ ก.ล.ต.ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การตอบข้อข้องใจ 17 โบรกเกอร์ แต่คือ “สัญญาณ” ว่าผู้กำกับดูแล ได้เพิ่มระบบดูแล Short Sell ของไทยให้เท่าทันโลกดิจิทัลเพื่อ “สร้างความเชื่อมั่น” ของนักลงทุนระยะยาว
ส่วนหากใครที่พบเบาะแส คนกระทำ Naked short sell ในตลาดหุ้นไทย หรือ ผ่าน โบรกเกอร์ใด ก็ไม่ควรปล่อยผ่านให้ลอยนวล โปรดส่งเบาะแสไปโดยตรง ที่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แจ้งเบาะแส / ร้องเรียน / เสนอแนะ SET Contact Center 0 2009 9999 กด 6 วันและเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ 8.00 – 18.00 น. (ปิดทำการวันเสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดตลาดหลักทรัพย์ฯ)
หรือ ที่สำนักงานก.ล.ต. สายด่วน 1207 เพื่อแจ้งเบาะแส หรือ กรอกแบบฟอร์มแจ้งเบาะแสผ่านเว็บไซต์ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและแจ้งเบาะแส ก.ล.ต. อีเมล ส่งที่ [email protected]
ธิติ ภัทรยลรดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 68)