
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 3,977.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในวันที่ 7 ต.ค. 68 (เวลา 11.00 น.) เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนใหม่เข้ามาทั้งกรณีการชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐ ฯ ที่อาจส่งผลให้การเผยแพร่รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้เลื่อนออกไป ซึ่งจะเพิ่มความไม่แน่นอนต่อทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ฯ (เฟด) ที่ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ภายในสิ้นเดือนนี้
นอกจากนี้ยังได้รับแรงสนับสนุนจากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสงครามในยุโรปตะวันออก หรือความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ทำให้เกิดความกังวลว่าความเสี่ยงจะบานปลาย ซึ่งมักจะผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงธนาคารกลางทั่วโลกยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังมีแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อยผ่านกองทุน ETF ซึ่งมีปริมาณเพิ่มขึ้นมากสุดในรอบกว่า 3 ปี และยังมีทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งยังได้รับปัจจัยหนุนจากการเผชิญวิกฤตทางการเมืองของฝรั่งเศส หลังนายกรัฐมนตรีคนใหม่ลาออกภายในระยะเวลาเพียง 14 ชั่วโมงหลังจัดตั้งคณะรัฐมนตรีส่งผลให้ ดัชนี CAC-40 ของฝรั่งเศสร่วงลงมากที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ รวมถึงให้ดัชนี Stoxx 600 ของภูมิภาคยุโรปติดลบ
ขณะเดียวกันทองคำมีปัจจัยบวกใหม่จากฝั่งเอเชียเพิ่มเข้ามาจากกรณีที่ พรรคเสรีประชาธิปไตยของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ได้เลือกซานาเอะ ทาคาอิจิ สมาชิกสภานิติบัญญัติสายอนุรักษ์นิยม ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ โดยทาคาอิจิถูกมองว่าเป็นผู้นำที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และได้ส่งสัญญาณการชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป จึงเป็นบวกต่อทองคำ
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้ YLG มองว่าราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวในทิศทางบวกได้ต่อเนื่อง มองเป้าหมาย 4,000 และ 4,435 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตามลำดับ ส่วนราคาทองคำในประเทศมีทิศทางเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับทองคำในตลาดโลก โดยมองเป้าทองไทยที่ 61,600-68,000 บาทต่อบาททองคำ (คำนวนจากค่าเงินบาทระดับ 32.46 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 68)