
ภาคการส่งออกของเยอรมนีหดตัวลงอย่างเหนือความคาดหมายเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยมีปัจจัยสำคัญจากมูลค่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ที่ทรุดตัวลงสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี ซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า ยอดส่งออกโดยรวมในเดือนส.ค. ปรับตัวลดลง 0.5% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ประเมินว่าจะขยายตัว 0.2% ขณะที่ตัวเลขการส่งออกไปยังสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
ส่วนยอดนำเข้าโดยรวมปรับตัวลดลง 1.3% ส่งผลให้เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้า 1.72 หมื่นล้านยูโร (2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นจากตัวเลขที่ปรับทบทวนใหม่ในเดือนก.ค. ซึ่งอยู่ที่ 1.63 หมื่นล้านยูโร
การเปิดเผยข้อมูลล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากที่ในช่วงต้นสัปดาห์มีรายงาน 2 ฉบับที่บ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่น่ากังวลอย่างยิ่งในภาคการผลิต ได้แก่ คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเยอรมนีที่ร่วงต่อเป็นเดือนที่ 4 สวนทางคาดการณ์ และผลผลิตอุตสาหกรรมเยอรมนีเดือนส.ค.ที่ร่วง 4.3% เมื่อเทียบรายเดือนหนักกว่าคาดการณ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผลผลิตในช่วงไตรมาส 3/2568 อาจปรับตัวลดลง และเสี่ยงที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจเยอรมนีเข้าสู่ภาวะถดถอย
เยอรมนี ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป มีความเปราะบางอย่างยิ่งต่อมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐฯ โดยเศรษฐกิจของประเทศเผชิญภาวะหดตัวรายปีมาแล้ว 2 ปีซ้อน และรัฐบาลคาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้จะอยู่ที่เพียง 0.2% เท่านั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ต.ค. 68)