
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพุธ (15 ต.ค.) ว่า นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ยืนยันกับเขาว่า อินเดียจะไม่ซื้อน้ำมันจากรัสเซียอีกต่อไป
ทรัมป์กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในงานอีเวนต์งานหนึ่งซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว พร้อมเผยด้วยว่า “ตอนนี้ผมจะทำให้จีนทำแบบเดียวกัน” โดยทรัมป์ได้เรียกร้องให้จีนและอินเดียหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซียมาหลายเดือนแล้ว โดยขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าจากทั้งสองประเทศหากทั้งสองประเทศไม่ให้ความร่วมมือ
ทรัมป์อ้างว่า โมดีได้ให้คำมั่นในวันพุธ โดยกล่าวเสริมว่า การที่อินเดียจะหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซียจำเป็นต้อง “ผ่านกระบวนการเล็ก น้อย” ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะเริ่มได้ในเร็ว ๆ นี้
ในการแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) เมื่อเดือนก.ย. ทรัมป์ได้กล่าวหาจีนและอินเดียว่าเป็นผู้สนับสนุนหลักในการจัดหาเงินทุนให้กับรัสเซียใช้ในการทำสงครามกับยูเครน ซึ่งลากยาวมาตั้งแต่ปี 2565
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอินเดียย่ำแย่ลงนับตั้งแต่ที่ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียในอัตรา 50% ซึ่งทรัมป์ระบุว่าเป็นการลงโทษอินเดียที่ซื้อน้ำมันดิบจากรัสเซีย และยิ่งย่ำแย่ลงไปอีกหลังจากที่ทรัมป์ดำเนินการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม 100,000 ดอลลาร์สำหรับการสมัครวีซ่า H-1B ซึ่งแรงงานด้านเทคโนโลยีชาวอินเดียส่วนใหญ่ใช้เพื่อทำงานในสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่า ความขัดแย้งสามารถแก้ไขได้ โดยเขาได้ยกย่องโมดีในวันพุธว่าเป็น “บุรุษผู้ยิ่งใหญ่” และพวกเขา “มีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม”
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้สมาชิกกลุ่ม G7 เพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซีย และมีส่วนร่วมในการตัดรายได้ของมอสโกเพื่อยุติการทำสงครามกับยูเครน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ต.ค. 68)